
เรื่องราวในหนังโฆษณาดังกล่าว เป็นเรื่องจริงที่ถูกดัดแปลงมาจากภาพ Footage ของเหตุการณ์จริงของ Kathrine Switcher (แคทเธอรีน สวิทเซอร์) นักวิ่งหญิงที่ตัดสินใจลักลอบเข้าร่วมแข่งขันบอสตัน มาราธอน (โดยที่มีป้ายหมายเลขแปะบนเสื้อ) ในปีค.ศ. 1967 ซึ่ง ณ ขณะนั้นทางสมาคมกรีฑาสมัครเล่น AAU: Amateur Athletic Union ยังไม่อนุญาตให้ผู้หญิงร่วมวิ่งมาราธอน เพราะคิดไปเองว่าจะกระทบกระเทือนถึงสุขภาพในระยะยาวของพวกผู้หญิง ในช่วงหนึ่งของการวิ่ง ก่อนการเข้าถึงเส้นชัย Kathrine Switcher ถูกขัดขวางจาก Jock Semple หนึ่งในทีมผู้จัดแข่งขันโดยการพยายามเข้ามาแย่งป้ายหมายเลข 261 บนเสื้อเธอ เพราะเกรงว่าจะเสี่ยงต่อการที่จะโดนสมาคมกรีฑาสมัครเล่นตัดสิทธิ์การจัดการแข่งขันมาราธอน แต่ท้ายที่สุด เธอก็สามารถวิ่งต่อจนเข้าสู่เส้นชัยได้สำเร็จ เพราะมีครูฝึกส่วนตัวและแฟนหนุ่มร่างยักษ์ที่ช่วยกันตัว Semple ออกไป เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้ทางบอสตัน มาราธอน อนุญาตให้ผู้หญิงเข้าร่วมการแข่งขันมาราธอนได้เท่าเทียมกับผู้ชายอย่างเป็นทางการใน 5 ปีต่อมา และ Kathrine Switcher ยังถูกยกย่องให้เป็นนักวิ่งมาราธอนหญิงคนแรกที่กล้าเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์การวิ่งมาราธอน และเป็นแรงบันดาลใจให้นักวิ่งหญิงทั่วโลก

เพราะเรื่องราวของ Kathrine Switcher ที่สะท้อนถึง DNA ของความเป็นผู้กล้าแตกต่าง ยึดมั่นในความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งตรงกับแนวคิดหลักของโนเบิลที่เชื่อมั่นในแนวคิด ‘กล้าแตกต่าง’ จึงได้ถ่ายทอดเรียงร้อยออกมาเป็น Corporate Campaign ประจำปี 2021 นี้อย่าง “be different, be noble” เพื่อจุดประกายให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นในตนเอง มุ่งมั่นทำความเชื่อของตัวเองให้สำเร็จ และร่วมสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้แก่สังคมครับ… ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาทางโนเบิลได้สร้างผลงาน TVC ที่สื่อสารถึงบทบาทของแบรนด์ตัวเองในแนว “I’m different” มาหลายแคมเปญแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Noble ใช้ชีวิตให้แตกต่าง ในปี 2012 ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้คนธรรมดาที่ชอบทำตัวในแบบไม่ธรรมดา ตามสไตล์ไอดอลที่ตัวเองชื่นชอบ
หรือในวาระครบรอบ 25 ปี กับแคมเปญ “โนเบิล แตกต่างตั้งแต่เกิด” ซึ่งเป็นหนังโฆษณาที่กินใจผมมากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่แตกต่างจากคนอื่นทั้งจากรูปลักษณ์ภายนอกและการแสดงออกทางด้านความคิด จนเมื่อโตขึ้นเด็กคนนี้ก็ตัดสินใจที่จะละทิ้งความเป็นตัวของตัวเอง เพียงแค่ต้องการที่จะร่วม”เป็นหนึ่ง” เดียวกับสังคมธรรมดาสามัญ แต่ในที่สุดหลังจากที่ได้พยายามแล้ว ก็ไม่อาจที่จะสลัดภาพความเป็นตัวของตัวเอง “I’m Different” ทิ้งไปได้ เด็กหนุ่มคนนี้ก็เลยเลือกที่จะไปให้สุด ไม่หยุดนิ่งที่จะออกไปหาโลกใบใหม่ที่ดีกว่า จนวันหนึ่งเค้าก็ค้นพบโลกใหม่ที่มีแต่คนที่ชื่นชมในผลงานศิลปะของเค้า
จนมาถึงผลงานชิ้นปัจจุบันนี้ ก็ยิ่งช่วยตอกย้ำให้ผมเชื่อว่าโนเบิล จะยังคงรักษาคอนเซปท์ความเป็นตัวของตัวเองแบบนี้ ตลอดไปอีกนานเท่านานครับ ซึ่งผมว่ามีเพียงแค่ไม่กี่แบรนด์ในโลกนี้ครับที่เห็นความสำคัญของการคงไว้ซึ่ง DNA เผ่าพันธุ์ของตัวเอง ไม่ว่าเวลาหรือสถานการณ์จะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม สำหรับแบรนด์โนเบิลนั้นสามารถตีความหมายในเชิง Branding Platform ดังนี้ครับ Brand Meaning คือความแตกต่าง/ Brand Relevance คือเหนือความคาดหมายของผู้อยู่อาศัย และ Brand Differentiation คือการออกแบบที่ไม่เหมือนใคร และยังเป็นแบรนด์อสังหาแบรนด์เดียวเท่านั้นในตลาด ที่ใช้ Brand Archetype เป็นบทบาท “ผู้ค้นหา” (Explorer) มีพลังงานธาตุไฟ (Energy) เต็มเปี่ยมถึง 100% ไม่มีส่วนผสมของบทบาทในธาตุ Thought, Substance, และ Emotion เลย โดยบริบทของ “ผู้ค้นหา” ในไสตล์โนเบิลจะไม่เน้นในมุมมองของนักผจญภัย หรือนักสำรวจ…แต่ในทางกลับกันจะเล่นในบทบาทของคนรักอิสรภาพที่มุ่งมั่นที่จะค้นพบตัวเอง (Self – Discovery) ไม่หยุดนิ่งที่จะออกไปหาอะไรใหม่ๆที่ดีกว่า เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ใหม่ๆมาปลอบประโลมชีวิตและจิตใจ มีความเป็นขบถหน่อยๆ เพราะ “ผู้ค้นหา” ในที่นี้มักจะทนไม่ได้ที่จะต้องถูกจำกัดอยู่ในกรอบของสังคมอันเคร่งครัด… ยิ่งสร้างกรอบ ยิ่งหลบหนี ยิ่งหลบหนี ก็จะยิ่งค้นพบ…คำว่า “Being” หรือ “ความมีตัวตนที่ชัดเจน” มักจะถูกนำมาใช้เป็น keyword หลักสำหรับ “ผู้ค้นหา” ครับ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่โนเบิลตอกย้ำให้เราเห็นมาตลอด 30 ปีครับ

โดยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แนวคิด ‘กล้าแตกต่าง’ ของโนเบิลได้ถูกถ่ายทอดผ่านการออกแบบที่อยู่อาศัยโครงการต่าง ๆ มาโดยตลอด เริ่มตั้งแต่การพัฒนาโครงการแรก ‘โนเบิล พาร์ค’ ในปี ค.ศ. 1991 ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแนวราบแห่งแรกของประเทศบนถนนบางนาตราด ที่ได้รับเสียงตอบรับที่ดีและประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ด้วยการออกแบบบ้านเป็นกลุ่มหรือคลัสเตอร์ ที่ดึงถนนออกจากหน้าบ้าน และให้จอดรถไว้รวมกันเป็นส่วนกลางเพื่อให้หน้าบ้านมีพื้นที่พักผ่อน

ตามมาด้วย ‘โนเบิล โฮม’ บ้านเดี่ยวหลังคาโค้ง พร้อมผังตัวบ้านสำหรับการต่อเติมในอนาคต โครงการ ‘โนเบิล ช้อยส์’ ลูกค้าสามารถเลือกออกแบบบ้านได้เอง ผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ และโครงการ ‘โนเบิลทารา’ ที่ทุกห้องจะเปิดโล่งให้เห็นสวนและสระน้ำ

ตามมาด้วยโครงการที่พักอาศัยใจกลางเมืองอย่าง ‘โนเบิล เพลินจิต’ ที่มีสวนใหญ่ใจกลางสี่แยกเพลินจิต พร้อมทั้งลิฟท์ส่วนตัวทุกยูนิต

นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการเลือกทำเลที่ตั้งโครงการ และการขยายฐานลูกค้าสู่ตลาด Affordable ผ่านการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ NUE ที่ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นโนเบิลไว้อย่างชัดเจน ในทำเลต่าง ๆ กันถึง 5 โครงการ โดยเป็นโครงการที่อยู่ติดรถไฟฟ้าสถานีใหม่ ๆ มีราคาที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่

เช่นเดียวกับการเปิดตัวโครงการใหม่ 11 โครงการในปี 2564 มูลค่ารวมสูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 45,100 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการที่พัฒนาโดยบริษัทฯ จำนวน 5 โครงการ โครงการที่ร่วมทุนกับบริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 5 โครงการ และโครงการที่ร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ จำนวน 1 โครงการ โดยในครึ่งปีแรก 2564 บริษัทฯ พร้อมประเดิมเปิดทั้งสิ้น 4 โครงการทั้งคอนโดมิเนียมแนวสูงและแนวราบ ประกอบด้วย 1.โครงการ NOBLE FORM THONGLOR มูลค่าโครงการประมาณ 5,400 ล้านบาท 2. โครงการ NUE NOBLE CENTRE BANGNA มูลค่าโครงการประมาณ 700 ล้านบาท 3. โครงการ THE EMBASSY AT WIRELESS มูลค่าโครงการ 10,700 ล้านบาท 4. โครงการ NUE CONDO AT DON MUEANG มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท ในส่วนของโครงการอื่น ๆ อีก 7 โครงการซึ่งมีทั้งคอนโดมิเนียม บ้านแฝด และทาวน์โฮมนั้น บริษัทฯ วางแผนจะทยอยเปิดตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 เพื่อตอบรับกับนโยบายของบริษัทฯ ที่ต้องการขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศให้ครอบคลุมทุกเซกเมนต์มากยิ่งขึ้น

มาถึงบรรทัดนี้ ก็คงจะต้องบอกว่า Brand Journey ของโนเบิลนั้น ได้เดินทางมายาวนานอย่างมั่นคงจนครบ 3 ทศวรรษแล้วครับ ในขณะที่เพื่อร่วมเส้นทางแบรนด์อื่นๆในรุ่นเดียวกัน ก็มีล้มลุกคลุกคลาน หายออกนอกเส้นทางไปบ้าง แต่โนเบิลก็ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการตามแนวทางที่ตัวเองเชื่อเสมอมา จนมาประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ดังไกลจนถึงระดับนานาชาติก็ปีนี้ ซึ่งความสำเร็จแบบนี้แน่นอนครับว่าไม่ใช่เพียงแค่ทำเลเท่านั้นที่สำคัญ แต่ยังรวมถึง Brand Strategic Platform ที่ชัดเจนตั้งแต่แรกด้วยครับ นับจากนี้ต่อไปคงต้องคอยติดตามดูครับว่าแบรนด์โนเบิลจะพัฒนาโครงการใหม่อะไรที่สร้างกระแสฮือฮา เน้นความแตกต่างมาเพื่อเอาใจเหล่าสาวกของแบรนด์ ที่ล้วนแต่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ต้องการวิถีชีวิตอันเป็นเอกลักษณ์ที่ยากจะหาใครเลียนแบบได้เหมือนดั่งเช่นโครงการที่ผ่านๆมาครับ
“ปีนี้เป็นปีที่ท้าทาย แต่เราก็บรรลุผลสำเร็จไปได้หลายอย่าง จนทำให้บริษัทได้ก้าวขึ้นมามีผลประกอบการณ์ที่แข็งแกร่งที่สุดปีหนึ่ง ทำให้เราเชื่อว่าไม่ว่าปีหน้าจะเป็นอย่างไร แต่เราก็ยังคงมีเสถียรภาพในการดำเนินธุรกิจ “Be Different, Be Noble” สื่อถึงความมีอัตลักษณ์ของโครงการ และแนวคิดของการใช้ชีวิตที่แตกต่างมาตลอด เพื่อตอบสนองดีมานท์ของกลุ่มลูกค้าที่มีความเป็นปัจเจก ที่มักจะมองหาประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับตัวเอง ซึ่งจากนี้ไปไม่ว่าจะอีกกี่ปีโนเบิล ก็ยังคงยึดมั่นใน Brand Idea แบบนี้ไม่มีเปลี่ยนแปลง…” คุณธงชัย บุศราพันธ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)
Reference:
https://dailyhive.com/vancouver/kathrine-switzer-women-sports
https://www.bostonmagazine.com/news/2015/03/24/boston-marathon-kathrine-switzer/
https://www.facebook.com/thepeoplecoofficial/posts/1138306176341905