Landmark @Grand Station by Siamese Asset

  

แลนด์มาร์ค แอท แกรนด์สเตชั่น บาย ไซมิส แอสเสท


แตกต่างคอนโดอื่นอย่างมาก เพราะโครงการ LANDMARK@Grand Station By Siamese Asset นี้จะมีความเป็น Mixed-Use การใช้งานพื้นที่หลากหลายประโยชน์มากกว่าแค่เป็นคอนโดเพื่ออยู่อาศัยแต่ตัวโครงการในพื้นที่แปลงเดียวกันนั้นจะมีทั้ง Residential area, Commercial area อยู่ด้วยกัน

ต่อทอง ทองหล่อ เมื่อ 22 April, 2021 เวลา 11.28 am

Prop score™: 3.8

คะแนนรีวิว: 0.0

0 รีวิว


ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา



    ข้อมูลโครงการ

ชื่อโครงการ

LANDMARK @ Grand Station

บริษัทผู้สร้าง

Siamese Asset Co.,Ltd.

สถานที่

ถนนรามอินทรา

สถานีรถไฟ BTS

-

สถานีรถไฟใต้ดิน

MRT วงแหวนรามอินทรา Distance 400 m.

Airport Rail Link

-

สถานี BRT

-

พื้นที่

4-1-14 ไร่

ชั้น

23 ชั้น

ยูนิต

988 ยูนิต

ที่จอดรถ

377 คัน คิดเป็น 37% Automatic Parking 269 คัน

ลิฟท์

Siamese Residence 3 ตัว/Branded Residence 4 ตัว

สิ่งอำนวยความสดวก

Lobby, Mail Box, สวนหย่อม, สระว่ายน้ำระบบเกลือ, ห้องออกกำลังกาย


    ประเภทยูนิต

ประเภท

CONDO/คอนโด High Rise/Branded Residences

studio

-

1 bedroom

Flexi ขนาดตามหน้าโฉนด 24-25.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยจริง 38.5-42 ตร.ม., ECO ขนาดตามหน้าโฉนด 24.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยจริง 39.5-43 ตร.ม., GRAND ขนาดตามหน้าโฉนด 30.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยจริง 49.5-54 ตร.ม.

2 bedroom

-

3 bedroom

-

Duplex

-

Penthouse

-

ประเภทอื่นๆ

-

ความสูงจากพื้นถึงเพดาน

4.15 เมตร (ห้องปกติ), 4.9 เมตร (ห้อง Co-Living)

ราคาเริ่มต้น / ตรม.

65,000 บาท/ตร.ม.

ราคาเริ่มต้น / ยูนิต

1.98 ล้านบาท

ค่าส่วนกลาง

50 บาท/ตร.ม./เดือน

Sinking Fund fee

600 บาท/ตร.ม.

สร้างเสร็จ

คาดว่าจะแล้วเสร็จ ปี 2567

เว็บไซต์

https://www.landmarkatgrandstation.com/

1306


เพื่อนบ้าน Street View


รามอินทราน่าอยู่น่าลงทุนไหม? LANDMARK @ Grand Station จุดหมายใหม่ Mixed-Use ใจกลางรามอินทรา ใกล้ห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ มีรถไฟฟ้าด้วย    

 

ทำไมย่านรามอินทราจะกลายเป็นโซนที่เต็มไปด้วยคอนโดมิเนียมในอนาคต แต่ไม่ใช่ทุกสถานีที่จะปัง

 

เดิมทีย่านรามอินทรามีความสำคัญในการเป็นย่านส่วนต่อขยายของกรุงเทพ ถือว่าเป็น City Extension ที่อุดมไปด้วยโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ เช่น บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ตึกแถว แต่ในปัจจุบันก็ผุดโครงการที่อยู่แนวสูงที่มีจุดเด่นเรื่องการมองเห็นวิวสวยงามโล่งอย่างคอนโดมิเนียม High-rise มาเปิดโครงการมากขึ้น ตามการกำเนิดขึ้นของแนวรถไฟฟ้า โลเคชั่นของคอนโด high-rise มักจะอยู่ย่านรอบสถานี แต่ก็ไม่ใช้ว่าทุกสถานีจะได้รับความนิยมในการอยู่อาศัย เพราะถ้าหากมีดีแค่ใกล้สถานีแต่รอบข้างไม่มีอะไรน่าสนใจ ก็จะมีคนสนใจมาอยู่จริงไม่มากพอ

 

โซนที่ดีสำหรับการอยู่คอนโดคือทำเลที่ต้องมอบ “ความสะดวกสบายขั้นสูงสุด” นอกจากใกล้ตัวสถานีรถไฟฟ้าแล้วจะต้องใกล้ห้างหรือสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการพักอาศัยด้วย อีกหนึ่งทำเลที่ดีที่สุดของการตั้งคอนโดมิเนียมในย่านรามอินทราก็คือรอบๆ ห้าง Fashion Island หรือสถานีวงแหวนตะวันออกนั่นเอง เพราะมีข้อดีแบบสองเด้ง เด้งแรกใกล้ทั้งห้างและเด้งสองใกล้รถไฟฟ้าครับ

 

ตอนนี้โครงการคอนโดมิเนียมใกล้ห้างแฟชั่นฯ มีหลายตึก เช่น Blossom Condo @Fashion Altitude และBlossom Condo @Fashion Beyond ซึ่งทั้งสองโครงการนี้เป็นคอนโดมิเนียมแบบ High-rise พัฒนาโดย Siamese Asset ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าตลาดคอนโดตึกสูงในย่านรามอินทราโซนแฟชั่นไอส์แลนด์นี้มาก่อน ต่อมามีโครงการคอนโด Low-rise ชื่อ Chambers Ramintra และปัจจุบันมีโครงการใหม่ที่ยังสร้างไม่เสร็จคือ The Origin Plug&Play Ramintra ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งที่ใกล้เคียงของโครงการใหม่ล่าสุดจาก Siamese Asset อย่าง LANDMARK @Grand Station แม้จะเป็นคู่แข่งกันแต่ว่าแตกต่างกันทั้งทำเลและคอนเซปต์โครงการอย่างสิ้นเชิง เพราะ The Origin จะเน้นไปที่การเป็นคอนโดเพื่ออยู่อาศัยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่โครงการของ Siamese Asset จะไม่ใช่แบบนั้นเพราะเป็นแบบโครงการ Mixed-Use และทำเลก็ใกล้รถไฟฟ้าที่มีห้างด้วย ถือว่าได้เปรียบกว่าในด้านนี้

ภาพโครงการ Blossom Condo จากเครือ Siamese Asset

ทำไมเราถึงควรลงทุนและซื้อโครงการที่ Siamese Asset สร้างสรรค์ขึ้นมา

 

ก่อนอื่นอยากให้ลองคลิกอ่านสตอรี่และกลยุทธ์ของ Siamese Asset ที่บทความนี้ครับ เจาะจุดแข็ง Siamese Asset ทำไมถึงประสบความสำเร็จ จะเห็นได้ว่าทาง Siamese Asset ตั้งใจพัฒนาโครงการที่จะสร้างกำไรให้ทั้งผู้ซื้ออยู่เอง นักลงทุน ผู้เช่า ให้ทุกคนได้ประโยชน์ร่วมกัน ให้ทุกคนอยู่สะดวกสบาย ผลตอบแทนดี และมีการประยุกต์เทคโนโลยีมายกระดับคุณภาพชีวิต นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมการบริหารโครงการและมี Business Model ในรูปแบบแตกต่างจาก Developer รายอื่นอย่างสิ้นเชิง และความแตกต่างตรงนี้จะสร้างความแปลกใหม่ให้ตลาดอสังหาฯ โดยการสร้างรายได้จากการขายแบบครั้งเดียวจบเหมือนคอนโดอื่นทั่วไป และยังมีโมเดลรายได้แบบ recurring income สร้างรายได้แบบต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะช่วยรักษามูลค่าให้กับโครงการคอนโดมิเนียมนั้นๆ ได้ในระยะยาว โดยทาง Siamese Asset ไม่อยากขายคอนโดแบบครั้งเดียวจบเหมือน developer รายอื่นๆ แต่จะพยายามคิดหนทางใหม่ๆ และทำตัวเป็นนักประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ เป็นนักนวัตกรรมด้านอสังหาฯ ซึ่งความเป็น Innovator นี้เองทำให้บางโปรเจคจะมีการอัพเดตข้อมูลอยู่ตลอดเวลาแต่ทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นทาง Siamese Asset จะคิดมาครบแล้วว่ามันจะเป็นประโยชน์กับลูกค้าในภาพรวมและส่งผลให้เกิดผลดีในระยะยาว ดังนั้นลูกค้าที่ซื้อโครงการ LANDMARK@Grand Station นั้นจะต้องทำความรู้จักบุคลิกและทำความคุ้นเคยกับลักษณะการทำธุรกิจของทาง Siamese Asset ด้วยครับเพื่อจะเข้าใจแนวคิดและไปด้วยกันได้อย่างดี เพราะเค้าไม่เหมือนใครๆ ในตลาดอสังหาเลยจริงๆ อยากให้ลองมาติดตามผลงานของ Siamese Asset ดูเองครับ แล้วเราจะรับรู้มุมมองใหม่ๆ และจะเริ่มเปลี่ยน paradigm เปลี่ยนมุมมองในการลงทุนและซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่แตกต่างน่าสนใจได้เลยทีเดียว

 

นี่คือโครงการที่ Siamese Asset ได้เคยทำมาทั้งหมด โดยตั้งแต่ช่วงปี 2015 เป็นต้นมาทาง Siamese Asset จะเริ่มทำโครงการแนว Mixed-Use มากขึ้นครับ

LANDMARK@Grand Station จาก Siamese Asset แตกต่างจากคอนโดอื่นยังไง

แตกต่างคอนโดอื่นอย่างมาก เพราะโครงการ LANDMARK@Grand Station By Siamese Asset นี้จะมีความเป็น Mixed-Use การใช้งานพื้นที่หลากหลายประโยชน์มากกว่าแค่เป็นคอนโดเพื่ออยู่อาศัยแต่ตัวโครงการในพื้นที่แปลงเดียวกันนั้นจะมีทั้ง Residential area, Commercial area อยู่ด้วยกัน ทั้งยังครอบคลุมการบริการระดับโรงแรม เป็นสถานที่จัดงานประชุม และมีร้านอาหาร ร้านค้าที่เพิ่มมูลค่าและความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านได้อย่างที่ไม่คาดว่าในคอนโดมิเนียมจะมีบริการแบบนี้ให้ด้วย ซึ่งถือว่า LANDMARK @ Grand Station By Siamese Asset จะเป็นคอนโดมิเนียมที่มีจุดเด่นแตกต่างจากคอนโดตึกสูงอื่นๆ ทั้งหมดทั้งปวงในย่านรามอินทรา และเป็นจุดต่างที่ Developer เจ้าอื่นก็เลียนแบบได้ยากครับเพราะต้องใช้ความทุ่มเทจากทีมงานผู้พัฒนามากทีเดียว แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใดของทาง Siamese Asset ซึ่งเปรียบดั่งเจ้าแห่งนวัตกรของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยผู้ไม่เคยทำอะไรซ้ำซากแบบเดิมๆ ที่คนอื่นเคยทำมาครับ โครงการ Mixed-use เป็นทางถนัดของ Siamese Asset ครับ

 

ในแปลงที่ดินเดียวกันจะมีการแบ่งใช้พื้นที่แบบ Mixed Use 3 โซน

ได้แก่ โซนปีกซ้ายสุด (โซน C) จะเรียกว่าโซน Siamese Residence เป็นคอนโดมิเนียมแบบทั่วไป, ถัดมาคือตรงกลาง (โซน B) จะเป็น Branded Residence คือจะขายเหมือนแบบคอนโดทั่วไปแต่จะบริหารงานคอนโดนี้ให้เป็นโรงแรมครับ

ส่วนโซน A เป็นอาคารแยกออกไปต่างหาก เป็นทรัพย์สินของบริษัท Siamese Asset เป็นอาคารชุด สูง 20 ชั้น

ขณะนี้ทั้งสองโครงการกำลังขอ EIA อยู่ครับ

 

ในบทความนี้จะมุ่งเน้นไปที่การนำเสนอข้อมูลเฉพาะโซน C ที่เป็นโซน Siamese Residence ที่มีความเป็นเหมือนคอนโดมิเนียมทั่วไปมากที่สุดซึ่งจะเปิดขายโซนนี้ก่อนโซนอื่นๆ นะครับ

 

ภาพ Facility ของโซน C เป็นโซนที่ขายเหมือนคอนโดทั่วไปที่เราคุ้นเคย

เพราะอะไรย่านรามอินทราถึงน่าสนใจ น่าอยู่ น่าลงทุน

 

รามอินทราเป็นโซน City extension รอบนอกของกรุงเทพที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องและปัจจุบันรามอินทราเติบโตขึ้นและมีความเจริญมากขึ้นจากการผุดโครงการพาณิชยกรรม  Commercial ค้าปลีกต่างๆ ที่ตอบโจทย์คนในพื้นที่ใกล้เคียงรามอินทรา รวมถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่รองรับดีมานด์จากคนต่างถิ่นหรือคนจากใจกลางเมืองที่ต้องการมาเที่ยวพักผ่อนยามว่าง

 

นอกจากที่กล่าวมาแล้วย่านรามอินทรายังมี Neighborhood Facilities ที่ดีพร้อมครบทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล สถาบันการศึกษา และระบบขนส่งสาธารณะที่ได้มาตรฐานสากลอย่างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูแคราย-มีนบุรี ซึ่งสามารถนำพาผู้คนจากต่างถิ่นเข้ามาถึงจุดหมายใหญ่ๆ ในย่านรามอินทราได้ง่ายขึ้น คนรามอินทราก็เข้าสู่ใจกลางเมืองได้ง่ายขึ้นด้วยระบบรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวมุ่งเข้าสยามสีลมสุขุมวิทได้,สายสีแดงมุ่งหน้าเข้าบางซื่อ, สายสีส้มมุ่งหน้าเข้าสู่รามคำแหงและรัชดาภิเษก และสายสีม่วงมุ่งหน้าไปบางใหญ่ได้ รถไฟฟ้าสายสีชมพูโครงการนี้จึงเป็นตัวเร่งที่ทำให้ชุมชนรามอินทราเจริญเติบโตและจะมีผู้คนสัญจรไปมาหนาแน่นมากกว่าเดิมอย่างแน่นอน

 

ทำเลรามอินทรานี้จะแบ่งออกเป็นโซนสำคัญได้แก่ ช่วงต้นที่เชื่อมต่อกับถนนพหลโยธินและย่านแจ้งวัฒนะ ตรงนี้จะมีความเป็นย่านธุรกิจค่อนข้างมากเพราะอยู่ใกล้แหล่งงานแจ้งวัฒนะ, ย่านรามอินทราตอนปลายที่เชื่อมต่อกับย่านมีนบุรี ที่มีความเป็น local lifestyle ค่อนข้างมาก แต่จุดที่ชี้ให้เห็นคือ รามอินทราช่วงกลางที่มีห้าง Fashion Island และ The Promenade เป็นจุดศูนย์กลาง ซึ่งตรงนี้ก็จะเป็นย่าน Residential Area ที่ค่อนข้างหนาแน่น เป็นทำเลที่เดินทางด้วยรถค่อนข้างสะดวกที่สุด เพราะใกล้ทั้งทางด่วน ทางพิเศษกาญจนาภิเษก ที่สามารถเดินทางเข้าเมือง หรือออกต่างจังหวัดได้ง่าย ใกล้โรงพยาบาลที่สำคัญในย่านรามอินทราทั้งหมด ซึ่งความสะดวกในเรื่องของการเดินทางนี้ทำให้บริเวณนี้มีโครงการอสังหาเปิดอยู่หลายโครงการ โดยเฉพาะบ้านแนวราบราคาแพงในบริเวณช่วงถนนเลียบวงแหวนกาญจนาภิเษก รามอินทรา และบริเวณถนนรัชดารามอินทรา ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักของ Siamese Asset ในการยกระดับย่านรามอินทราให้ดีมากขึ้นไปกว่าเดิม

 

รามอินทราอุดมด้วยแหล่งใช้ชีวิตตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หลายแบบ เช่น แฟชั่นไอส์แลนด์ (Fashion Island) ศูนย์กลางของย่านรามอินทรา มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการ มีทั้ง Robinson, Big C, Tops Market, HomePro อาหาร เสื้อผ้า สินค้าต่างๆ มากมาย ที่จอดรถเพียงพอ อยู่ติดกับรถไฟฟ้าสถานีวงแหวนตะวันออก ปัจจุบันมีการปรับปรุงตกแต่งเปิดเป็นโซนใหม่ชื่อว่า Grand Station มีสินค้าบริการต่างๆ ครบครัน ซึ่งชื่อนี้ก็บังเอิญมาพ้องกับโครงการใหม่อย่าง LANDMARK @ Grand Station By Siamese Asset นั่นเองครับ

The Promenade สถานที่เดินเล่นพักผ่อนแบบเย็นๆ ติดแอร์ เดินเพลินๆ ได้ทุกวัน

http://www.thepromenade.co.th/

 

ตลาดนัดเลียบด่วนรามอินทรา ร้านรวงมากมายคนค้าขายและลูกค้าคึกคัก

https://www.facebook.com/Liabduan.nightmarket

 

Amorini รามอินทรา คอมมูนิตี้มอลล์มีร้านอาหารและสินค้าให้จับจ่าย

ภาพโดย  Hekter Arc

 

และยังใกล้ Crystal Park, Crystal Design Centre, Central Eastville, Max Valu Supermarket, Chocolate Ville มีอาหาร เครื่องดื่ม เป็นแหล่งแฮงก์เอาท์พบปะสังสรรค์ในยามเย็นและค่ำคืน

https://www.facebook.com/chocolateville/

 

ย่านรามอินทราเต็มไปด้วยแหล่งงาน แหล่งเรียนต่างๆ  เช่น โรงเรียนเลิศหล้า โรงเรียนสายอักษร , โรงเรียนสุขฤทัย รามอินทรา 65, โรงเรียนนวมินทราชูทิศ กรุงเทพมหานคร,โรงเรียนปรัชชาธร, โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ, วิทยาลัยพยาบาล, โรงเรียนบดินทรเดชา 2, Australian International School Bangkok และ Kinder Bear Academy International Preschool

 

ใกล้กับ LANDMARK @ Grand Station By Siamese Asset แค่ 6 กิโลเมตรก็มีนิคมอุตสาหกรรมบางชัน (Bang Chan Industrial Estate) เต็มไปด้วยโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย

อาคารสำนักงานใหญ่ Tesco Lotus

ภาพโดย  tintinspace

 

โรงพยาบาลสินแพทย์ รามอินทรา

โรงพยาบาลอินทรารัตน์

โรงพยาบาลอินทรารัตน์

ภาพโดย Manop Phimsit

 

และมีโรงพยาบาลนวเวช

 

นอกจากนี้รามอินทรามีสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหลายแห่งเช่น สนามกอล์ฟปัญญา

 

Wonder World ให้บริการเช่าพื้นที่จัดงาน

https://www.facebook.com/buffetland

 

สวนกีฬารามอินทรา มีพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ มีฟิตเนส สระว่ายน้ำ และศูนย์กีฬาต่างๆ ปิงปอง

http://www.bangkok.go.th/publicpark

 

Siam Amazing Park สยามอะเมซิ่งพาร์ค (สวนสยาม) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ มีเครื่องเล่นหลากหลาย สวนน้ำขนาดใหญ่ รับจัดงานเลี้ยง เป็นพื้นที่กิจกรรมสนุกสนานสำหรับคนทุกวัย

https://www.facebook.com/siamamazingpark/

 

การมาของรถไฟฟ้าสายสีชมพูจะเปลี่ยนแปลงย่านรามอินทรายังไง

 

1. รถไฟฟ้าสายสีชมพูมา รามอินทราจะมีคอนโดผุดมากขึ้น

โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูแคราย-มีนบุรี จะเริ่มต้นจากนนทบุรีตรงแยกแครายถนนติวานนท์ เลี้ยวเข้าสู่ถนนแจ้งวัฒนะและยิงยาวมาถึงถนนรามอินทราไปสิ้นสุดที่มีนบุรี  โครงการนี้จะยกระดับให้ถนนรามอินทราดีขึ้นว่าเดิมในด้านการเดินทางสะดวกสบายและมีมาตรฐานสากลที่คนต่างชาติก็นิยมใช้ด้วย เดิมทีผู้คนที่อยู่ในย่านรามอินทรานี้มีตัวเลือกที่พักอาศัยแค่ อาคารพาณิชย์ โครงการบ้านจัดสรรเก่าๆ หรือโครงการบ้านจัดสรรใหม่ที่เป็นบ้านเดี่ยวราคาแพงเกิน 10 ล้านบาทขึ้นไป แต่ตอนนี้ก็มีทางเลือกใหม่เป็นคอนโดมิเนียมซึ่งมีความสะดวกสบายมากกว่า

 

จากประวัติศาสตร์กรุงเทพที่เห็นมา ถ้าโลเคชั่นใดมีรถไฟฟ้าเกิดขึ้นทำเลย่อมมีคอนโดเกิดขึ้นตามมามากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยจะมีทั้ง คอนโดมิเนียมแบบ low-rise 8 ชั้น แต่อย่างไรก็ตามคอนโดมิเนียมที่ได้รับความนิยมมากกว่าตลอดกาลก็ยังคงเป็นคอนโดมิเนียมตึกสูงแบบ high-rise อยู่ดีครับ เพราะคอนโดตึกสูงมีความโดดเด่นกว่า มองเห็นชัดเจนจากที่ไกลๆ ผู้พักอาศัยได้เห็นวิวสูงที่ดีกว่า และเป็นโครงการที่มีจำนวนห้องเยอะกว่าทำให้มี facility ที่เยอะกว่าคอนโด Low-rise

 

2. รถไฟฟ้าสายสีชมพูมา รามอินทราเปลี่ยนสีผังเมือง

เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้ว นอกจากคอนโดมิเนียมจะผุดขึ้นแล้ว เมื่อมีผู้คนมาอยู่ในคอนโดมากขึ้นก็จะส่งผลให้เศรษฐกิจในย่านรามอินทราเติบโตขึ้น และอนาคตอาจจะมีโครงการใหม่ๆ จากนักลงทุนรายใหญ่ๆ ก็ได้ เช่น ห้างสรรพสินค้าใหม่ อาคารสำนักงานที่ทันสมัย เหมือนที่รถไฟฟ้าสายต่างๆ ที่เปิดให้บริการก่อนหน้านี้ เช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินแถวจรัญฯ ก็มีอาคารสำนักงานใหม่ผุดขึ้นมา แถวรถไฟฟ้าสายสีม่วงตอนต้นก็มีออฟฟิศใหญ่ๆ เกิดขึ้นมาตามแนวรถไฟฟ้าครับ ดังนั้นรามอินทราก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน ด้วยเหตุผลด้านมีการอัพเดตสีของผังเมืองครับ

 

การเข้ามาของรถไฟฟ้าสายสีชมพูก็ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงผังสีของย่านรามอินทราให้ที่ดินในย่านรามอินทรามีศักยภาพในการพัฒนามากกว่าเดิม เดิมส่วนใหญ่เป็นผังสีเหลืองแต่ในผังสีใหม่จะอัพเกรดเป็นผังสีส้มครับ นั่นเท่ากับในอนาคตเราจะมีโอกาสเห็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ขึ้นในย่านถนนรามอินทราทั้งเส้นครับ

 

แผนผังสีผังเมืองย่านรามอินทรา ปี พ.ศ.2556 ก่อนมีรถไฟฟ้าสายสีชมพู

แผนผังสีผังเมืองย่านรามอินทราฉบับล่าสุดที่อาจจะประกาศใช้ในปลายปี พ.ศ.2564 เราจะสังเกตว่าย่านรามอินทราที่ได้ผังเมืองสีแดงจะอยู่บริเวณแยกต่างๆ เช่น แถววงเวียนหลักสี่, แยกลาดปลาเค้า (กม.2) , แถวบิ๊กซีคู้บอน, รอบห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ และตามแนวถนนรามอินทราใกล้มีนบุรี

ภาพรถไฟฟ้าสายสีชมพู “สถานีวงแหวนรามอินทรา” กำลังก่อสร้างอยู่ด้านหน้าโครงการแฟชั่นไอส์แลนด์ครับ ถ่ายภาพเมื่อมีนาคม 2021

ในอนาคตคาดว่ารอบสถานีวงแหวนรามอินทราและพื้นที่รอบแฟชั่นไอส์แลนด์รวมถึงที่ดินในย่านเดียวกับโครงการ Landmark @ Grand Station By Siamese Asset ก็จะเติบโตมากขึ้นได้เพราะมีผังเมืองสีแดงครับ

ความพิเศษของทำเลโครงการ LANDMARK@Grand Station

ทำเลที่ตั้งของ Landmark @ Grand Station By Siamese Asset อยู่ตรงนี้ครับคลิกดูแผนที่ Google Maps ตรงนี้ https://g.page/landmark-grand-station?share

ความพิเศษเพิ่มเติมของทำเลโครงการ Landmark @ Grand Station By Siamese Asset นอกจากจะมีทางเข้าหลักจากถนนรามอินทรา 64 ตรงข้ามกับห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ ช่วยให้การเดินทางจากรถไฟฟ้าสถานีวงแหวนรามอินทรา และห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ร่นเหลือแค่ประมาณ 400 เมตรเท่านั้น แล้วก็ยังมีทางเข้ารองที่ถนนรัชดา-รามอินทรา โดยตึกโซน C หรือโซน Siamese Residence ที่เปิดขายก่อนนั้นจะเป็นโซนที่เดินถึงรถไฟฟ้าได้ใกล้ที่สุดครับ เป็นจุดเด่นของโซน C

 

มาทำความเข้าใจคอนเซปต์และรายละเอียดโครงการ LANDMARK@Grand Station กันดีกว่า

 

คอนเซปท์โครงการ Landmark @ Grand Station By Siamese Asset นั้นเริ่มต้นมาจากทางผู้บริหารและทีมงานของ Siamese Asset นั้นมีวิสัยทัศน์ว่าอยากเห็นการพัฒนาเมืองกรุงเทพเป็นไปตามรูปแบบเดียวกับเมืองใหญ่ระดับสากลทั่วโลก คือมีการพัฒนาในแบบไม่กระจุกตัว ใช้แนวคิดแบบ Decentralized และควรจะมี Nodes เป็นกลุ่มก้อนของชุมชนที่อยู่ตามจุดต่างๆ ของเมือง เพื่อลดความแออัดในเขตศูนย์กลางของเมืองกรุงเทพ อยากกระจายความเจริญที่มีครบทุกอย่างสู่ทำเลนอกเมือง ซึ่งประโยชน์ที่คนในชุมชนนอกเมืองจะได้รับคือความสะดวกสบายครบทุกอย่างแบบเดียวกับที่คนในเขต CBD ใจกลางเมืองมี และคนทำเลนอกเมืองก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้าไปใจกลางเมืองอย่างที่เคยทำกันมา

 

จากภาพนี้จะเห็นว่าความเจริญจะกระจุกตัวในย่านใจกลางเมืองต่างๆ เช่น จตุจักร สยาม สาธร สุขุมวิท แต่รามอินทรายังไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบที่ในใจกลางเมืองมี ตรงนี้จึงเป็นโอกาสและช่องว่างทางธุรกิจที่ทำให้ Siamese Asset คิดว่าควรจะสร้างสีสันใหม่ๆ ให้กับย่านรามอินทรา

ทำเลรามอินทรามีศักยภาพที่จะเป็น Node สำคัญแห่งใหม่ เนื่องจากรามอินทรามีศักยภาพมาก เพราะกำลังจะมีรถไฟฟ้า มีความพร้อมของที่ดินรอการพัฒนา มีปริมาณ Traffic คนในย่านนี้เยอะอยู่แล้ว  มีห้างสรรพสินค้าและแหล่งงานอยู่แล้ว แต่สิ่งที่รามอินทรายังขาดก็คือโครงการระดับไฮเอนด์ที่เป็น Mixed Use มีครบทุกอย่างที่คนในย่านรามอินทรากำลังต้องการในแบบที่ไม่ต้องเดินทางเข้าตัวเมือง โครงการแบรนด์ Landmark จึงสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นแลนด์มาร์กของย่าน New-CBD ในทำเลต่างๆ ซึ่งปัจจุบันจะสร้าง 2 ทำเล ได้แก่ ทำเลถนนพระรามเก้าตอนกลาง และในย่านรามอินทราครับ

ข้อมูลเบื้องต้นจะเป็นตามรายละเอียดด้านล่างนะครับ แต่อนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ถ้าทาง Siamese Asset มองเห็นว่าจะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับลูกบ้านได้ดีขึ้นกว่าเดิม

 

Landmark @ Grand Station By Siamese Asset เป็นโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Mixed-Use พัฒนาโดยบริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) เป็นคอนโดขายรูปแบบ Freehold  ตั้งอยู่บนถนนรัชดา-รามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพมหานคร ตัวโครงการทั้งหมดตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 4 ไร่ 1 งาน 14 ตารางวา หรือ 6,856 ตารางเมตร โครงการ Landmark @ Grand Station By Siamese Asset มี 1 อาคาร สูง 23 ชั้น มี 1 Podium ร่วมกัน แต่มี 2 โซน ได้แก่ โซนทาวเวอร์ B เป็น Branded Residence ที่จะเรียกในบทความนี้ว่า Cassia Residences และโซนทาวเวอร์ C เป็นคอนโดมิเนียมในรูปแบบที่เหมือนกับโครงการอื่น ในบทความนี้จะเรียกว่า Siamese Residence ครับ มีห้องชุดพักอาศัยจํานวน 988 ห้อง โดยแบ่งออกเป็น Cassia Residences 532 ยูนิต 28 ยูนิตต่อชั้น จะเป็น Branded Residence การพักอาศัยที่มีการบริการมาตรฐานสากลจากแบรนด์ Cassia Residences โดย Banyan Tree Group และบริหารโดย Siamese Kew Green ทั้งนี้ก็จะมีบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานของโรงแรมชั้นนำ และอีกโซนคือ Siamese Residence 456 ยูนิต 24 ยูนิตต่อชั้น นอกจากนี้ในโครงการยังมีห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ (ร้านค้า) 12 ห้อง และมีห้องชุดสำนักงาน จํานวน 3 ห้อง ซึ่งจะเป็นทรัพย์สินของ Siamese Asset เพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการ

โครงการรูปแบบ Mixed Use แห่งนี้จะจัดทำขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมของความหลากหลายของกิจกรรม เช่น มีพื้นที่รองรับกิจกรรมของกลุ่มคนวัยทำงาน เช่น มีห้องจัดเลี้ยงประชุมสัมมนา พื้นที่รองรับทั้งการประชุมสัมมนาขนาดใหญ่-ขนาดย่อย มีพื้นที่สำนักงานออฟฟิสให้เช่าอีกด้วย นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ที่รองรับกิจกรรมในการพบประสังสรรค์ของบุคคลในช่วงวัยต่างๆ ได้แก่ พื้นที่ร้านอาหาร ร้านค้า รวมไปถึงพื้นที่กิจกรรมสำหรับกลุ่มคนที่ความสนใจเฉพาะที่เอื้อสำหรับการเลี้ยงสัตว์เลี้ยง โดยโครงการมีพื้นที่ Pet Shop แบบครบวงจรไว้ให้บริการ การมีสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์สำหรับลูกบ้านของ Landmark @ Grand Station By Siamese Asset อย่างแน่นอน

 

การแบ่งโซนต่างๆ โซนทาวเวอร์ C (ฝั่งทิศเหนือ) จะมีห้องพักอาศัยตั้งแต่ชั้น 4-22 ซึ่งจะแบ่งย่อยออกเป็น ชั้น 1 มี Lobby ร้านค้า ,ชั้น 2 เป็นสำนักงาน และเป็นที่จอดรถ (377คัน) ,ชั้น3 เป็นพื้นที่ Facility สระว่ายน้ำ , ห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 4-5 เป็นห้องพักอาศัยสำหรับคนที่เลี้ยงสัตว์ , ชั้น 8-9 จะมีเพดานสูงพิเศษกว่าห้องอื่นจึงสามารถทำเป็นห้อง Co-living ได้, ส่วนห้อง Elder จะมีอยู่ในทุกชั้น ตกแต่งห้องน้ำพิเศษแบบ Universal Design สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุ , ส่วนชั้น 6,7,12-22 นั้นจะเป็นห้องมาตรฐานทั่วไปครับ ส่วนโซน B ที่เป็น Cassia Residence จะมีทั้งห้องพักแบบ Branded Residence มี Facility และ Lobby แยกไปต่างหาก และยังมีห้องประชุม และห้องอาหารบนชั้นดาดฟ้า สเน่ห์ของโครงการ Mixed-Use อยู่ตรงที่การที่ลูกบ้านจะได้รับความสะดวกสบาย มีบริการอื่นๆ และร้านอาหารอยู่ใกล้ตัว โดยแทบจะไม่ต้องออกไปไหน และการดูแลในระยะยาวรูปแบบโรงแรมที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้ตัวก็จะเหมือนช่วยกันดูแลทรัพย์สิน ช่วยกันดูแลอาคารทั้งโครงการให้ใหม่อยู่เสมอ คอนโดมิเนียมแนว Mixed-Use ที่มีการบริหารจัดการแบบนี้จึงดีในระยะยาว ไม่ปล่อยตึกโทรมเหมือนโครงการคอนโดมิเนียมรูปแบบเดิมๆ

Landmark @ Grand Station By Siamese Asset ออกแบบสถาปัตยกรรมโดย Somdoon Architect ออกแบบ Landscape โดย Phiil Design Studio และตกแต่งภายในโดย  Creative Crews เป็นกลุ่มสถาปนิกชั้นนำของไทยที่ฝากผลงานไว้หลายโครงการครับ จึงทำให้โครงการนี้มีมูลค่าทางดีไซน์ที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ ในย่านรามอินทราครับ

 

จุดเด่นของโครงการ Landmark @ Grand Station By Siamese Asset คือเป็นแบรนด์ใหม่ของ Siamese Asset ที่มีแนวคิดมาจากการพัฒนาโครงการ Mixed Use ให้เป็นแลนด์มาร์กประจำพื้นที่ใหม่บนทำเลเมืองส่วนต่อขยายอย่างรามอินทรา และเป็นโครงการแรกในย่านรามอินทราที่มีบริหารแบบ International Chain Hotel หนึ่งเดียวของรามอินทรา ทำให้หมดกังวลและเหมาะมากกับการซื้อลงทุนปล่อยเช่าด้วยคอนเซปต์การบริหารการปล่อยเช่าจากบริษัทมืออาชีพด้าน Hospitality และยังไม่มีปัญหาแต่อย่างใดสำหรับลูกบ้านที่ซื้ออยู่เองเพราะมีนโยบายรักษาความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านในโซน Siamese Residence (โซน C) ด้วยการแยกพื้นที่ส่วนกลาง Facility ของลูกบ้านออกอย่างเป็นสัดส่วน แยกกันอย่างชัดเจน Lobby คนละส่วน ลิฟต์ก็แยกกัน เพราะโครงการนี้แบ่งออกเป็น 2 โซน ด้านหน้า (โซน B) เป็นส่วนของ Branded Residence ที่บริหารโดย Cassia Residence by Banyan Tree และด้านในสุดเป็นส่วนของ Siamese Residence (โซน C) สำหรับผู้อยู่อาศัยเหมือนคอนโดมิเนียมทั่วไป

โครงการนี้ตั้งอยู่บนถนนรามอินทรา ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีชมพูสถานีวงแหวนรามอินทราประมาณ 400 เมตร ซึ่งเป็นทำเลศูนย์กลางความเจริญของรามอินทราเพราะอยู่ฝั่งตรงข้ามและเยื้องกับห้างใหญ่ Fashion Island และ The Promanade ใกล้ชนิดที่ว่าเดินไปห้างได้เลย สิทธิพิเศษของลูกบ้านที่ซื้อในโซน Branded Residence ของ Cassia by Banyan Tree จะได้รับสิทธิพิเศษ “The Sanctuary Club” ซึ่งเป็นบริการของกลุ่ม Banyan Tree ทั้งหมด ในส่วนของรูปแบบห้องนั้นออกแบบด้วยนวัตกรรมการดีไซน์รูปแบบใหม่โดยเน้นแบบ Double Volume เพดานสูงมากกว่า 4 เมตรและแถมพื้นที่ว่างให้ฟรีโดยลูกบ้านสามารถออกแบบเป็น multifunction ได้เองตามใจ เช่น ครัวไทยแบบ outdoor, ระเบียงใหญ่, หรือทำเป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้ส่วนตัว นอกจากนี้ยังออกแบบ Unit Plan ห้องตามพฤติกรรมไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันของลูกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบเพื่อผู้สูงอายุ เพื่อสัตว์เลี้ยง (มีลิฟต์ส่วนกลางสำหรับห้องที่เลี้ยงสัตว์) เพื่อ Work from home หรือเพื่อการพักอาศัยแบบ Co-living หรือ Dual Keys ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ, มี Siamese Technology เทคโนโลยีเพิ่มคุณภาพชีวิต 6 ระบบ ได้แก่ ระบบหมุนเวียนอากาศ (Air ventilation), ระบบป้องกันกลิ่น (Smell Protection), ระบบป้องกันเสียง (Soundproof), ระบบป้องกันความร้อน (Heat Resistance, ระบบบ้านอัจฉริยะ (Home Automation และระบบบ้านดูแลง่าย (Easy Maintenance). ทั้งหมดนี้ทาง Siamese Asset ขายแบบ Fully-fitted มีห้องน้ำ มีโครงเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ มีตู้เสื้อผ้า แต่ครัวให้สร้างเองตามความต้องการครับ และเป็นคอนโดมิเนียมที่ขายในราคาที่เป็นรูปแบบ Branded Residence ที่มีราคาค่อนข้างเอื้อมถึงง่าย ไม่ต้องควักกระเป๋าหนักๆ เหมือนโครงการ Branded Residence โครงการอื่นๆ และโครงการคอนเซปต์แบบนี้ก็ยังไม่มีมาก่อนในย่านรามอินทราอีกด้วย จึงถือว่าเป็นจุดเด่นที่แข็งแกร่งแตกต่างมากทีเดียวครับ

 

โครงการ Landmark @ Grand Station By Siamese Asset ในบทความนี้จะเน้นนำเสนอเฉพาะส่วน Siamese Residence ที่มีจุดเด่นเรื่องการแบ่งประเภทการใช้งานห้องออกตาม Lifestyle ของผู้พักอาศัยที่แตกต่างกัน

 

รูปแบบห้องของโซน Siamese Residence  จะแบ่งออกเป็น 3 type หลักๆ ได้แก่ Flexi,Eco และ Grand โดยทุก type จะมีห้อง 4 สไตล์ให้เลือก ได้แก่ ห้อง Residential มาตรฐาน, ห้อง Co-living, ห้อง Elder, ห้อง Pet lover

 

แบบ FLEXI ขนาดตามหน้าโฉนด 24-25.5 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่ใช้สอยจริง 38.5-42 ตารางเมตร

แบบ ECO ขนาดตามหน้าโฉนด 24.5 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่ใช้สอยจริง 39.5-43 ตารางเมตร

แบบ GRAND ขนาดตามหน้าโฉนด 30.5 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่ใช้สอยจริง 49.5-54 ตารางเมตร

ถ้าดูในรูป unit plan ข้างบนอาจจะมองไม่ค่อยเห็นความแตกต่างของห้องแต่ละแบบ ผู้เขียนแนะนำให้มาสัมผัสห้องตัวอย่างจริงด้วยตาของคุณเองที่สำนักงานขาย Landmark @ Grand Station By Siamese Asset นะครับ เพราะจะเห็นรายละเอียดปลีกย่อยและสัมผัสความรู้สึกจริงได้ดีกว่าดูภาพอย่างแน่นอนครับ ห้องตัวอย่างที่นี่มีอะไรให้ร้องว้าวเยอะทีเดียว ชวนให้ไปดูของจริงที่สำนักงานขายครับ

 

โครงการนี้ยังเหมาะกับกลุ่มครอบครัวที่ต้องการย้ายออกจากบ้านแนวราบย้ายขึ้นมาอยู่บนคอนโดมิเนียมเพื่อได้รับบริการที่สะดวกสบายครบครันมากขึ้น โดยเราอาจจะซื้อหลายยูนิตติดกันหรือในตึกเดียวกันก็ได้ ซึ่งเป็นเทรนด์ของการอยู่อาศัยในยุคสมัยใหม่ที่คนไม่อยากจะดูแลบ้านหลังใหญ่ๆ ด้วยตัวเองคนเดียวอีกแล้ว แต่เลือกที่จะมาอยู่คอนโดมิเนียมแทน เพราะมีคนอื่นช่วยดูแล ช่วยจ่ายค่าส่วนกลางร่วมกัน มีสวน มีสระว่ายน้ำ มี Facility ต่างๆ ให้เลือกใช้เยอะกว่าอยู่บ้านแนวราบ นอกจากนี้เราสามารถสั่ง Combine ห้องก็ได้โดยสามารถสอบถามตำแหน่งที่สามารถรวมยูนิตกันได้ที่พนักงานขายประจำโครงการครับ

 

จะขอเล่าเกี่ยวกับรูปแบบห้องที่แยกย่อยออกมาตามสไตล์การใช้งานสักหน่อยครับ  ที่โครงการ Landmark @ Grand Station By Siamese Asset โซน Siamese Residence เค้าจะแบ่งขายเป็นห้องแบบต่างๆ ดังนี้ครับ

1. ห้อง Residential ห้องพักมาตรฐาน อยู่ที่ชั้น 6,7,12-22 เพดานสูง 4.15 เมตร เหมาะกับทุกคนที่ไม่เลี้ยงสัตว์

2. ห้อง Pet Lover เพดานสูง 4.15 เมตร อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้เฉพาะห้องที่อยู่ชั้น 4-5 เท่านั้น จึงเหมาะกับคนที่เลี้ยงสัตว์ครับ โซน Pet Lover นี้สามารถอยู่กับสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข หรือแมวได้ ปูพื้นห้องมีคุณสมบัติไม่อมน้ำ และมีการใช้ทางเข้า ลิฟท์ และพื้นที่ส่วนกลางแยกกับผู้พักอาศัยโซนอื่นเพื่อจบปัญหารบกวนเพื่อนบ้านที่ไม่เลี้ยงสัตว์ครับ

3. ห้อง Co-Living อยู่ที่ชั้น 8-9 เพดานสูง 4.90 เมตร เป็น Duplex ชนิดหนึ่งโดยใน 1 ยูนิตจะกั้นห้องเป็นสองห้องย่อย มีห้องชั้นบนและห้องชั้นล่างที่มีประตูแยกส่วนตัวห้องใครห้องมันครับ เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการซื้อหนึ่งยูนิตแต่ปล่อยเช่าได้สองห้อง และยังเหมาะกับคนที่ครอบครัวแต่ต้องการความเป็นส่วนตัว เช่น เป็นพี่น้อง เป็นญาติกัน หรือแม้กระทั่งเป็นเพื่อนซื้อเพื่ออยู่ใกล้กัน หรือบางคนอยากซื้ออยู่เองห้องนึงและอีกห้องก็ปล่อยเช่าเพื่อมาช่วยหารค่าผ่อนคอนโด ถือว่าเป็นห้องที่รองรับกับชีวิตที่ยืดหยุ่น

4. ห้อง Elder มีเฉพาะห้อง Grand โดยทุกชั้นที่มีห้องแบบ Grand สามารถปรับเป็นห้อง Elder ได้ เพดานสูง 4.15 เมตร ห้องพักอาศัยตกแต่งห้องน้ำพิเศษแนวคิด Universal Design หมายถึง ห้องน้ำจะไม่มีสเต็ป ประตูกว้างกว่าจึงสามารถเอารถเข็นเข้าห้องน้ำได้ เหมาะสำหรับคนซื้อเพื่อให้ผู้สูงอายุหรือผู้พิการที่ต้องใช้วีลแชร์อยู่ชั้นล่าง ส่วนผู้ดูแลอยู่ชั้นบนครับ นอกจากนี้เป็นยูนิตที่เหมาะกับการซื้อเตรียมพร้อมเผื่อสูงอายุในอนาคตครับ

 

ส่วนห้องแบบ Branded Residence ที่จะเปิดขายในอนาคตเฉพาะในโซน B ห้องรูปแบบนี้จะตกแต่งเหมือนโรงแรม บริหารร่วมกันโดย Siamese Asset กับ Cassia Residences ในเครือ Banyan Tree ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้นําด้านธุรกิจโรงแรมระดับโลก โดยจะมีบริการต่างๆ ที่เหมือนโรงแรมครับ และมีพื้นที่ส่วนกลางตามมาตรฐานระดับสากล ห้องแบบนี้จะเหมาะกับกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการซื้อเพื่อฝากให้ทาง Cassia บริหารปล่อยเช่า ส่วนนักลงทุนก็รอรับผลตอบแทนอย่างเดียวครับ

 

พาทัวร์สำนักงานขาย Landmark @ Grand Station By Siamese Asset

 

ที่ตั้งของสำนักงานขาย  อยู่พิกัดตรงนี้ https://g.page/landmark-grand-station?share

ถ้าขับมาจากแฟชั่นไอส์แลนด์ เลยห้างมาให้ชิดขวา วิ่งไปตามป้ายที่เขียนว่า “นวมินทร์” ไปตามทางยกระดับแล้วเบี่ยงซ้ายไปตามป้ายเขียนว่า “กลับรถ(หลักสี่)” แล้วก็กลับรถใต้ทางยกระดับแล้วชิดซ้ายก็จะถึงสำนักงานขายจะเห็นวัสดุสีขาวลายฉลุแบบนี้ครับก็เลี้ยวเข้าไปจอดรถได้เลย

ตรงข้ามกับสำนักงานขายมีโครงการ Blossom Condo โดย Siamese Asset เป็นตัวอย่างความสำเร็จของคอนโด High-rise เครือนี้ให้ดูแล้วครับ

ถนนและทางเท้าด้านหน้าโครงการฝั่งถนนรัชดา-รามอินทรา

เป็นจุดที่สามารถไปถนนวงแหวนกาญจนาภิเษกได้ ไปหลักสี่ ไปแจ้งวัฒนะก็ได้

ภายในสำนักงานขาย มีความโอ่โถง เพดานสูง หรูหรา

ในสำนักงานขายมีบาร์เครื่องดื่ม มีร้านกาแฟแบรนด์ Kafeology ซึ่งเป็นแบรนด์ร้านกาแฟภายใต้การดูแลของ Siamese Asset มาคอยให้บริการว่าที่ลูกบ้านทุกท่าน ร้าน Kafeology มีสาขาที่ Siamese Rama 9 ด้วย

 

Model โมเดล

 

ภาพนี้เป็นโมเดลด้านทิศตะวันตกครับ

ฝั่งซ้ายคือโซน Siamese Residence (โซน C) ฝั่งขวาคือโซน Cassia Residence (โซน B)

โมเดลด้านทิศตะวันออก

โมเดลด้านทิศใต้ ตรงพื้นจะสังเกตว่ามีแบบ draft รูปฐานของอาคารโซน A ซึ่งเป็นโครงการในอนาคตครับ แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะบังวิว เพราะไม่มีห้องพักใดอยู่ฝั่งทิศใต้เลยครับ ถือว่าทางโครงการได้คิดมาให้ครบแล้วว่าจะไม่บังวิวกันแน่นอน

โมเดลซ้ายสุด คือห้องฝั่งทิศเหนือครับ ฝั่งทิศเหนือเป็นวิวโล่งครับ

ทั้งสองโซนจะมี Podium เดียวกัน

สระว่ายน้ำของทั้งโซน B และ C จะแยกส่วนออกจากกัน ไม่ยุ่งเกี่ยวกันครับเพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านฝั่ง Siamese Residence และลูกค้า Branded Residence ฝั่ง Cassia Residence

ออกแบบ facade ภายนอกสวยงาม ดูหรูหรา สุขุม เป็นทางการ สวยคลาสสิก ผ่านไปกี่ปีก็ยังดูทันสมัย

จุดเด่นของที่นี่คือบางห้องจะได้ pocket garden แบบนี้ด้วยครับ

มีการใช้ต้นไม้เพื่อช่วยเพิ่มความเป็นธรรมชาติให้กับงานสถาปัตยกรรม แนวคิดการออกแบบนี้คล้ายกับคอนโดมิเนียมในประเทศสิงคโปร์ครับที่น้อมนำธรรมชาติเข้ามาสู่ชีวิตคนเมือง

ชอบห้องมุมไหนบ้างหรือเปล่าครับ ลองไปแวะดูที่สำนักงานขายได้ครับ

 

พาทัวร์ห้องตัวอย่าง Landmark @ Grand Station By Siamese Asset

 

สำนักงานขายที่นี่มีทั้งคาเฟ่ มีโมเดล และที่ขาดไม่ได้ก็คือห้องตัวอย่างครับ ที่นี่เค้ามีห้องให้ดูทั้งหมด 3 แบบ และแบบตกแต่งพิเศษอีก 3 แบบ รวมเป็น 6 ห้องแรกที่จะพาไปดูคือ Flexi ตกแต่งแนว Gamer ตามด้วย Eco ที่เป็นห้องแนวคิด Pet Lover แล้วไปดูห้อง Grand สำหรับ Elder ปิดท้ายด้วยห้อง Co-living และแถมการพาไปดูไอเดียการตกแต่งห้อง Eco แต่งแบบ General และห้อง Grand แบบ work from home ครับ เรียกได้ว่าเดินดูกันเพลินๆ เลยครับ อยากชวนให้ไปเยี่ยมชมสำนักงานขายครับ หรือแวะไปกินกาแฟฟรีก็ยังดีครับ กาแฟเค้าก็รสชาติใช้ได้เลยทีเดียว แบรนด์ Kafeology ของไซมิสเอง  😀

 

ห้องตัวอย่าง Flexi  

ห้องนี้เพดานสูง 4.15 เมตร ขนาดตามหน้าโฉนด 24-25.5 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่ใช้สอยจริง 38.5-42 ตารางเมตร

เป็นห้องที่ออกแบบลงตัว มี 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น  1.5 ห้องน้ำ (หมายถึงมีห้องน้ำเต็มรูปแบบที่อาบน้ำได้ 1 ห้องและห้องน้ำที่มีแค่โถสุขภัณฑ์อีก 1 ห้อง) แถมพื้นที่ห้องอเนกประสงค์ที่อยู่ใต้โครงเตียงสูง และแถมพื้นที่ส่วนกลางว่างเปล่าที่สามารถตกแต่งใช้เองเป็นครัวนอกห้องหรือทำเป็นระเบียงก็ได้

เปิดห้องเข้ามาเจอโซนห้องนั่งเล่นครับ

จัดวางเฟอร์นิเจอร์โต๊ะ โซฟาแบบนี้ และมีพื้นที่วางตู้เย็น

แอร์ติดแบบ wall type ให้แบบนี้

พื้นที่อเนกประสงค์ที่เพิ่มขึ้นมาจากโครงเตียงสูง ทำให้มีพื้นที่ใต้ห้องนอนสามารถตกแต่งได้ตามใจชอบ ในห้องตัวอย่างออกแบบเป็นห้อง Gamer สำหรับเล่นเกมครับ

เป็นการใช้พื้นที่อย่างเต็มประสิทธิภาพ

พื้นที่ภายนอกห้องตรงนี้เป็นพื้นที่ส่วนกลางนะครับ จะไม่ปรากฎในโฉนดที่ดิน คล้ายกับการแถมให้นั่นเองครับ ถือว่าเป็นประโยชน์กับลูกบ้านมากทีเดียว เพราะใครๆ ก็ชอบของแถมแบบนี้ ห้องตอนโอนกรรมสิทธิ์จริงจะไม่มีครัวให้นะครับ แต่ในห้องตัวอย่างนี้เค้าทำให้ดูเป็นตัวอย่างให้เป็นไอเดียเท่านั้น สำหรับใครไม่ทำครัวก็เอาพื้นที่นี้มาตากผ้า วางกระถางปลูกต้นไม้ หรือจะปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ ก็ได้แล้วแต่เราเลยครับ

วางครัวนอกบ้าน (Outdoor kitchen) ให้ดูเป็นไอเดียครับ

ขอแชร์ไอเดียส่วนตัวของผู้เขียน ผมชอบมีครัวในห้องติดแอร์มากกว่า เพราะอยากทำอาหารแบบเย็นๆ ผมก็คงเลือกออกแบบให้พื้นที่ว่างเปล่าตรงนี้เป็นแค่จุดล้างจานล้างผักเฉยๆ รวมเอางานเปียกๆ มาไว้ที่นี่หมด นอกจากนี้อีกฝั่งก็น่าจะวางเครื่องซักผ้า เครื่องปั่นผ้า รวมงาน service ที่เกี่ยวกับการทำความสะอาดต่างๆ มาไว้ในพื้นที่เปล่านอกห้อง ส่วนชุดเคาน์เตอร์ครัวจริงๆ ผมจะเอาไปตกแต่งไว้ข้างในแทนครับเพราะอยากทำอาหารไป ฟังเสียงทีวี ติดแอร์เย็นๆ ไปด้วยพร้อมกัน ไอเดียของคุณเป็นอย่างไรบ้างครับ มาแชร์กันได้เลย ไม่มีอะไรผิดถูกครับ เพราะที่โครงการนี้เค้าให้อิสระกับลูกบ้านในการสร้างสรรค์ตามความต้องการ ซึ่งถือว่าเป็นจุดเด่นอีกอย่างหนึ่งเลยครับ เหมาะสำหรับคนที่ชอบ customize ห้องของตัวเอง

CDU แอร์แขวนไว้แบบนี้ หลบสายตาได้ มองไม่เห็นจากในห้องนั่งเล่นครับ

ภายในห้องนั่งเล่นเพดานสูงดีมาก

แวะดูห้องน้ำชั้นล่างเต็มรูปแบบ อาบน้ำได้ มีโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างมือ ครบทุกฟังก์ชั่น

แวะดูห้องนอนชั้นบน สามารถวางเตียง double bed ได้

มีทางเดินเล็กๆ ตรงนี้โครงการเค้าแถมตู้เสื้อผ้าให้ด้วยครับ

ทางเดินนี้มุ่งหน้าไปห้องน้ำแบบ powder room ที่ชั้นบนครับ

ห้องน้ำ powder room คือมีแค่โถสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือขนาดย่อมครับ เหมาะกับการใช้เวลากลางคืน ไม่ต้องเดินลงมาชั้นล่างครับ ถือว่าเป็นการออกแบบที่คำนึงการใช้งานในชีวิตจริงมากๆ และถ้าอยู่กัน 2-3 คนก็ไม่ต้องแย่งห้องน้ำใช้กันอีกด้วย

 

ห้องตัวอย่าง ECO

ECO จะมีขนาดตามหน้าโฉนด 24.5 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่ใช้สอยจริง 39.5-43 ตารางเมตร ห้องตัวอย่าง type นี้มีให้ดู 2 สไตล์ สไตล์แรกคือ Pet Lover อยู่กับน้องหมาแมว และอีกห้องเป็นสไตล์ทั่วไปสำหรับคนอยู่อาศัยครับ แต่ผมจะพาไปดูห้อง Pet Lover กันก่อนครับ จุดเด่นของห้อง Eco คือการมีห้องนั่งเล่นลึกกว่า FLEXI มีเพดานสูง ดูโปร่งสบาย 1 ห้องนอน มีห้องน้ำ 1.5 ห้องครับ แถมพื้นที่อเนกประสงค์ใต้โครงเตียงสูง แถมพื้นที่เปล่านอกห้อง

โซนนั่งเล่นจะลึกเป็นพิเศษ

เพดานสูง 4.15 เมตร

จัดวางเฟอร์นิเจอร์ได้หลากหลายตามใจเรา

ทางเข้าห้องน้ำชั้นล่าง

ทางเข้าห้องน้ำชั้นล่าง

ฝักบัวแบบ rain shower เลยนะครับ

ออกแบบสีทูโทน เทาขาว

จากโซนห้องนั่งเล่นเดินไปที่ส่วนถัดไปซึ่งเป็นโซนอเนกประสงค์และพื้นที่แถมนอกบ้าน

จากโซนห้องนั่งเล่นเดินไปที่ส่วนถัดไปซึ่งเป็นโซนอเนกประสงค์และพื้นที่แถมนอกบ้าน

พื้นห้องทำจาก synthetic floor ป้องกันความชื้นได้ด้วย โดนน้ำไม่บวมเหมือนพื้นไม้ลามิเนตทั่วไป ถือว่าเลือกใช้วัสดุได้เหมาะสมกับ Pet Lover ครับ

หรูเลิศ ถูกใจลูกๆ น้องหมาน้องแมวแน่นอน

มีหน้าต่างแบบนี้ให้ด้วยสำหรับลูกๆ ชมวิวข้างนอก

มีโซนห้องลับจิ๋วแบบนี้ให้ด้วย น่ารักเลย  แบบนี้ต้องจองแล้วมั้ย 555

ต่อไปขอไปแวะดูพื้นที่เปล่านอกบ้านที่แถมมาให้ พื้นที่เปล่าของ type ECO จะมีขนาดเล็กกว่า type FLEXI เพราะเน้นห้องนั่งเล่นที่ลึกกว่า เหมาะสำหรับคนที่ไม่เน้นครัว ไม่เน้นระเบียง แต่ขอมีพื้นที่ข้างในเยอะๆ ครับ

แถมพื้นที่วางเปล่าแบบนี้ให้ ส่วนลูกบ้านอยากจะตกแต่งเป็นอะไรก็เชิญตามสบาย ดูแลกันเอาเองตามใจเลยครับ หรือจะปล่อยวางเอาไว้ก็ได้

แวะดูโซนห้องนอน มีหน้าต่าง ติดแอร์ให้

มองจากโครงเตียงสูงลงไปที่ชั้นล่าง

แถมตู้เสื้อผ้า Built-in แบบนี้ให้ด้วยครับ

ก่อนถึงห้องน้ำ powder room ก็มีตู้เสื้อผ้าให้แบบนี้ ใส่เสื้อผ้าได้เยอะทีเดียวครับ

ห้องน้ำชั้นบน

หน้าตาสวิตช์ไฟ

ตัวอย่างไอเดียตกแต่งห้อง ECO อีกแบบสไตล์ Residential เป็นห้องสำหรับคนพักอาศัยครับ

ไอเดียแต่งโซนห้องนั่งเล่น

โซนห้องน้ำ

ห้องอเนกประสงค์

พื้นที่เปล่านอกบ้าน

พื้นที่ห้องนอน

แถมระบบ Siamese Technology ให้ด้วยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

โซนทางเข้าห้องน้ำชั้นบน

 

ห้องตัวอย่าง GRAND

Type GRAND จะมีขนาดตามหน้าโฉนดประมาณ 30.50 ตารางเมตร โดยมีพื้นที่ใช้สอยจริง 49.50 ตารางเมตร ถือว่าเป็นแบบห้องที่มีขนาดใหญ่มากที่สุด ห้องตัวอย่าง type นี้มีให้ดู 2 สไตล์ สไตล์แรกคือ Elder ออกแกบบสำหรับผู้สูงอายุ และอีกห้องเป็นสไตล์ Work from home สำหรับคนที่ทำงานอยู่บ้านครับ แต่ผมจะพาไปดูห้อง Elder กันก่อนครับ จุดเด่นของห้อง Grand คือการมีห้องนั่งเล่นใหญ่กว่าทุก type  มีเพดานสูง ดูโปร่งสบาย 1 ห้องนอน มีห้องน้ำ 1.5 ห้องครับ แถมพื้นที่อเนกประสงค์ใต้โครงเตียงสูง แถมพื้นที่เปล่านอกห้อง  โดยห้อง Grand Elder จะมีความพิเศษตรงที่ห้องน้ำชั้นล่างออกแบบด้วยแนวคิด Universal Design มีประตูห้องน้ำที่กว้างกว่า คนทุกสภาพร่างกายสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกตามหลักอารยสถาปัตยกรรม จะเป็นแบบไหนพาไปดูกันครับ

เริ่มจากเข้าห้องมาพบกับโซนห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว เพดานสูง 4.15 เมตร

จัดวางเฟอร์นิเจอร์สำหรับทุกคนในครอบครัวแบบนี้ได้

ทีวีวางใกล้ประตูห้องน้ำชั้นล่าง

ห้องแบบ Elder สำหรับผู้สูงอายุหรือผู้พิการที่ใช้ wheel chair สามารถเข้าห้องน้ำได้อย่างสะดวกครับ เพราะไม่มีธรณีประตู แต่มีราง drain น้ำเพื่อไม่ให้น้ำไหลออกมาพื้นที่ข้างนอกห้องน้ำ

ตกแต่งภายในห้องแบบ universal design มีราวจับต่างๆ  อ่างล้างมือก็เหมาะสมกับผู้ใช้ wheelchair

มีชั้นวางของในห้องน้ำ

สุขภัณฑ์แบรนด์นี้ Hafele

ห้องอาบน้ำมีพื้นที่นั่งอาบน้ำ มีราวจับต่างๆ ครบ จึงเหมาะมากกับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุหรือผู้พิการพักอาศัยอยู่ครับ

ตัวอย่างการติด Smart Mirror

กลับมาโถงห้องกินข้าวตรงกลาง

เดินเข้าสู่โซนอเนกประสงค์ใต้โครงเตียงสูง เป็นพื้นที่ที่แถมมาให้

สามารถจัดวางเตียงใหญ่แบบนี้ได้ครับ ทำเป็นห้องนอนเสริมก็ได้ หรือจะออกแบบเป็นห้องเก็บของ ห้องเลี้ยงลูก ห้องทำงาน ห้องสตูดิโอก็ได้แล้วแต่เรา

โซนพื้นที่นอกบ้านเปล่าๆ ที่แถมให้

สามารถจัดวางเป็นโซนครัวแบบนี้ก็ได้ หรือจะทำเป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้ ตากผ้า ซักผ้า แล้วแต่เราได้เลย

โซนห้องนอนชั้นบน

ของจริงจะไม่ใช่ประตูกระจกบานเลื่อนแบบนี้นะครับ อันนี้ทำเป็นไอเดียให้เฉยๆ ของจริงจะได้เป็นแผงกั้นตกเป็นเหล็ก ถ้าใครอยากแต่งเพิ่มเป็นเหมือนรูปก็สั่งทำใหม่เอาเองหลังจากโอนกรรมสิทธิ์ได้ครับ

โซนตู้เสื้อผ้าชั้นบน

จัดเป็นมุมแต่งหน้าได้ด้วย

ห้องน้ำชั้นบน เป็น powder room

ต่อไปพาไปดูไอเดียตกแต่งห้อง type GRAND สไตล์ work from home ครับ จะเน้นเพิ่มพื้นที่ทำงาน ออกแบบให้มี workspace ที่ใช้ทำงานได้จริง เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ทำงานอยู่บ้านครับ

 

โซนนั่งเล่น เพดานสูง 4.1 เมตร

โซนอเนกประสงค์ใต้โครงเตียงสูงที่ออกแบบเป็น workspace และห้องอ่านหนังสือ

โซนพื้นที่เปล่านอกบ้านที่แถมมาให้ สามารถตกแต่งเป็นฟังก์ชั่นอะไรก็ได้ตามใจเรา เช่น ครัว ปลูกต้นไม้ เก็บของ

ห้องน้ำชั้นล่าง

โซนห้องนอนชั้นบน

โซนทางเดิน walk-in closet

มีโซนแต่งหน้า

และห้องน้ำ powder room ชั้นบน

ห้องตัวอย่าง CO-LIVING

ห้องสไตล์ Co-living นั้นจะมีอยู่เฉพาะชั้นที่เป็น Duplex นั่นคือชั้น 8-9  เท่านั้น ซึ่งขนาดห้องจะแตกต่างกันตาม type ที่เราเลือกไม่ว่าจะเป็น FLEXI, ECO, GRAND  โดยที่ห้องสไตล์ Co-living จะแตกต่างจากสไตล์อื่นๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดเพราะว่าทาง Siamese Asset จะออกแบบให้มีลักษณะเป็น Dual Keys คือมีประตูทางเข้ากลาง 1 อันแล้วจะมีประตูห้องส่วนตัวแยกออกเป็น 2 ห้อง ห้องใครห้องมัน ดังนั้นการซื้อยูนิตแบบ Co-living นี้เป็นการซื้อ 1 ยูนิตแต่ได้ 2 ห้องที่มีกุญแจส่วนตัวของใครของมันครับ เหมาะกับกลุ่มนักลงทุนที่ต้องการเพิ่ม yield ค่าตอบแทนจากเดิมที่เคยปล่อยเช่ามีรายได้จากจากลูกค้าแค่ 1 รายก็สามารถปล่อยเช่าได้ 2 รายพร้อมกัน นอกจากนี้เหมาะกับคนที่ต้องการซื้ออยู่เองและอยากลดภาระค่าผ่อนโดยหาคนอื่นมาแชร์ช่วยจ่ายค่าเช่า ตัวเองก็อยู่ห้องนึง ส่วนลูกค้าก็อยู่อีกห้องนึง และยังเหมาะกับกลุ่มครอบครัวที่มีลูกโตอยากมีห้องแยกเป็นส่วนตัวก็ได้ ถือว่าเป็นแบบห้องที่จะได้รับความนิยมมากทีเดียวเพราะรองรับกับชีวิตที่ยืดหยุ่นได้ดีมาก ห้องแนวนี้ก็สามารถพบเห็นได้ในต่างประเทศครับ 

 

ห้องตัวอย่าง Co-living ในสำนักงานขายจะจัดพื้นที่เป็นหลายฟังก์ชั่น ได้แก่ ห้องชั้นล่าง กับห้องชั้นบน โดยห้องชั้นล่างจะใหญ่กว่าห้องชั้นบนครับ มีห้องนั่งเล่น 1 ห้อง ห้องน้ำเต็มรูปแบบ 1 ห้อง ห้องนอน 1 ห้อง และมีโซนครัวนอกบ้าน 1 โซน ส่วนห้องชั้นบนจะเป็นห้องรูปแบบคล้ายห้อง Studio สไตล์โรงแรม มีโซน Living 1 โซนที่ผนวกเข้ากับโซน mini pantry และมีห้องน้ำเต็มรูปแบบ 1 ห้องครับ

 

จะพาไปชมห้องชั้นล่างก่อนครับ

เปิดประตูหลักเข้ามา และเปิดประตูห้องชั้นล่างเข้ามา จะพบกับโซนนั่งเล่น

พื้นที่เปล่านอกบ้าน

จากโซนนั่งเล่นเชื่อมต่อไปโซนนอน

มีตู้เสื้อผ้าให้

โซนทางเข้าห้องน้ำชั้นล่าง

ห้องน้ำชั้นล่างมีโซนอาบน้ำและโซนสุขภัณฑ์

การย้ายอ่างอาบน้ำมาไว้นอกห้องน้ำก็สะดวกในการใช้งานดีไปอีกแบบครับ

ต่อไปขึ้นไปดูชั้นบนกันครับ

เมื่อเดินเข้าประตูส่วนตัวเพื่อเข้าชั้นบนก็จะพบกับโซน Living ที่สามารถตกแต่งเป็นโซนห้องนอน ห้องทำงาน ห้องดูทีวีในโซนเดียวกัน

ทางเข้าห้องน้ำ

มีโซนอาบน้ำและโซนสุขภัณฑ์ ส่วนอ่างล้างมือย้ายมาไว้นอกห้องน้ำ

ทางขวาคือจุดวางอ่างล้างมือตรงนี้ได้ครับ แต่ของจริงจะปล่อยโล่งให้ตกแต่งเองตามใจต้องการครับ เค้าเดินระบบท่อประปาเอาไว้ให้แล้ว

ตกแต่งเป็น mini pantry ให้ดูเป็นตัวอย่าง ไอเดียผมอาจจะขยับอ่างล้างจานไปทางริมอีกหน่อยเพื่อให้มีพื้นที่เคาน์เตอร์เพิ่มขึ้นเผื่อทำอาหารเล็กๆ น้อยๆ ในห้องครับ ชั้นด้านบนก็จะทำเป็นที่วางไมโครเวฟได้ด้วยก็น่าจะดี

ตรงข้ามกับโซนอ่างล้างจานจะเป็นตู้เสื้อผ้าครับ

สรุปเกี่ยวกับการออกแบบห้องพักอาศัย

LANDMARK @ Grand Station มี Unit type รูปแบบห้องที่หลากหลายขนาดทั้ง FLEXI, ECO, GRAND ซึ่งจะสามารถแบ่งการตกแต่งสไตล์ Residential ทั่วไป, Pet Lover, Elder และ Co-living ทำให้โครงการนี้เหมาะกับคนทุกกลุ่มดีมานด์ คนซื้ออยู่เอง ซื้อปล่อยเช่า  ซื้ออยู่เองบางส่วนปล่อยเช่าบางส่วน ซื้อลงทุนเก็บรอขายต่อ ซื้อให้น้องหมาแมวอยู่ ซื้อให้ลูกหลานอยู่ ซื้ออยู่กับพ่อแม่แก่เฒ่า ซื้อหลายยูนิตอยู่กันเป็นครอบครัวแทนซื้อบ้านแนวราบ ไม่ว่าจะซื้อด้วยเหตุผลใดก็ตามที่ LANDMARK @ Grand Station By Siamese Asset ก็ตอบโจทย์ได้ทั้งนั้นครับ ถือว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่คิดมาค่อนข้างละเอียดมาก นอกจากนี้ความแตกต่างของ type ห้องจะช่วยเพิ่ม value ให้กับคนซื้อ เพราะห้องยิ่งมีเอกลักษณ์เท่าไหร่ ในมุมมองคนซื้อลงทุนก็จะชอบเพราะถือว่าห้องของตนจะมีคู่แข่งน้อยลง การออกแบบให้แต่ละ type มีความ rare หายากในตัวมันเองก็จะช่วยเพิ่มราคาได้ครับ

 

สนใจ LANDMARK @ Grand Station By Siamese Asset

เยี่ยมชมสำนักงานขาย LANDMARK @ Grand Station By Siamese Asset ที่ถนนรัชดา-รามอินทรา คลิกดูแผนที่ตรงนี้ https://g.page/landmark-grand-station?share

 

#แลนด์มาร์คใหม่ยิ่งใหญ่ครบครัน ในราคาสุด Exclusive ใจกลางรามอินทรา

Mega Project Mixed Use โครงการแรกในรามอินทรา ออกแบบห้องพักรองรับทุกความต้องการ ทั้งคนรุ่นใหม่วัยทำงาน, ผู้สูงอายุ, คนรักสัตว์เลี้ยง, นักลงทุน

 

โลเคชั่นดี ใกล้ MRT สีชมพู สถานีวงแหวนรามอินทรา เพียง 400 เมตร ใกล้แฟชั่นไอส์แลนด์ เชื่อมต่อถนนเลียบด่วนเอกมัยรามอินทราง่ายดาย เหนือระดับกับการพักอาศัย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

Lifestyle Complex จัดเต็มแบรนด์ชั้นนำ ทั้งที่กิน ที่ช้อป แหล่งกิจกรรม

Co-working space & Business Center เช่น ห้องประชุม ห้องจัดเลี้ยง ห้องสัมมนา ฯลฯ

Branded Residence เหนือกว่าด้วยบริการมาตรฐานโรงแรมระดับสากล

 

ค่าส่วนกลาง 50 บาทต่อตารางเมตรบวกค่ากองทุน 5 บาทต่อตารางเมตร

ค่ากองทุนแรกเข้า 600 บาทต่อตารางเมตร

*ค่าส่วนกลางคิดตามพื้นที่หน้าโฉนด

โครงการมีแผนจะเริ่มก่อสร้างประมาณต้นปี 2022 และคาดว่าจะแล้วเสร็จ ประมาณปลายปี 2024

 

เปิดจำนงจองเพื่อเลือกซื้อห้องชุดแล้ววันนี้
ลงทะเบียนจองสิทธิเข้างาน Exclusive Day Pre – Sale
คลิก : https://bit.ly/32uyfGq
แล้วพบกัน 15 พฤษภาคม 2564 วันเดียวเท่านั้น

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทรศัพท์ 1306

LINE Official https://lin.ee/hfYc1f7

 

#SiameseAsset #AssetOfLife #LandmarkAtGrandstation #SiameseResidence #SiameseRamintra #CondoRamintra #CondoNewCBD #คอนโดใกล้รถไฟฟ้า #คอนโดใกล้ทางด่วน

 

แหล่งข้อมูล

https://www.facebook.com/SiameseAssetThailand/posts/1730221807150922



ต่อทอง ทองหล่อ

ต่อทอง ทองหล่อ

บรรณาธิการสื่อเกี่ยวกับการศึกษา และ Blogger ผู้มีผลงานการวิเคราะห์ด้านอสังหาฯ มามากกว่าร้อยบทความ ยังเป็นผู้สนใจลงทุนคอนโดมิเนียม ชอบใช้ชีวิตแบบ Digital Nomad รักการเดินเท้าและเลือกใช้ขนส่งมวลชนสำรวจความเปลี่ยนแปลงของทำเลสถานที่ผ่านมุมมองการเข้าใจมนุษย์ นอกจากนี้ยังเป็น Active Citizen ช่วยขับเคลื่อนพัฒนาเมืองผ่านงานเขียนและเครื่องมือสื่อสารที่เชื่อมรัฐกับประชาชน เป้าหมายระยะยาวต้องการเห็นคุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยที่ดีขึ้นของทุกคนในสังคม ติดตามผลงานได้ที่ https://matttortong.weebly.com

เว็บไซต์


PropScore™ 3.8

SCORE:
0.0
From : 0 รีวิว


ยังไม่มีการให้คะแนนและ Comment โครงการนี้


ข้อเท็จจริง และความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ระหว่างอสังหาฯรูปแบบ Freehold และ Leasehold

ในปีนี้เราจะมีโอกาสได้เห็นโครงการ Leasehold ที่กำลังจะสร้างเสร็จพร้อมอยู่หลายที่ครับ และก็ในหลายระดับราคาด้วย ไม่ว่าจะเป็น ONE Bangkok Residence (Tentative Name), AMAN Nai Lert Bangkok, Thirty Thre... อ่านต่อ

17 April, 2024



คัดสรรให้! งบ 7 ลบ. ก็หาซื้อคอนโดหรูพร้อมอยู่ในย่านพร้อมพงษ์ – ทองหล่อ – เอกมัย ได้

หลังจาก ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมท... อ่านต่อ
12 April, 2024

เคาะแล้ว! แพคเกจกระตุ้นตลาดอสังหาฯ โดยกระทรวงการคลัง

สืบเนื่องมาจากข้อมูลของกระทรวงการคลังที่รายงานครม.ไปว่าในช่วงไตรมาสสี่ของปีที่ผ่านมา ภา... อ่านต่อ
10 April, 2024

มาร่วมออกแบบโครงการให้โลกจำเป็นตำนาน ด้วยสูตรลับที่ตกผลึกมาจากประสบการณ์หลากหลายมุมมอง กับหลักสูตรสำหรับคนฝันใหญ่ “Iconic Xperience 2”

ในการพัฒนาโครงการอะไรก็แล้วแต่ แน่นอนว่าเป้าหมายหลักของผู้พัฒนาโครงการก็น่าจะเป็นในเรื่... อ่านต่อ
1 April, 2024

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง