เปิดประสบการณ์ใหม่กับ The EXTRO Phayathai-Rangnam คอนโดหรูแบรนด์ใหม่จากสิงห์ เอสเตท แห่งเดียวที่ติดสวนใหญ่ขนาด 20 ไร่ บนทำเลที่ดีที่สุดของรางน้ำ

“…บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้วางแผนงานที่จะเดินหน้าสู่ความเป็นผู้นำในตลาดคอนโดลักซ์ชัวรี่ ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ “The ESSE” ที่เน้นดีไซน์เรียบหรู ร่วมสมัย ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ที่รักความสะดวกสบาย ต้องการที่อยู่อาศัยที่เพียบพร้อมในทุกด้าน เพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น แต่แฝงไปด้วยความสงบและร่มรื่น พร้อมๆกับการวาง วิสัยทัศน์ระยะยาวในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรูปแบบอื่นๆที่มีคุณภาพในระดับ Best in Class เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ควบคู่กับการขยายธุรกิจในตลาดซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่ที่มีศักยภาพสูง และวางรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับองค์กร…” นี่คือหนึ่งในคำสัมภาษณ์ ที่ทางผู้บริหารระดับสูงของบริษัท สิงห์ เอสเตท ได้เคยประกาศไว้เมื่อช่วงปี 2015 อันเป็นช่วงเวลาที่บริษัทฯได้ตัดสินใจที่จะก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้ท้าชิงตลาดคอนโดในเซกเมนท์ลักซ์ซัวรี่ที่เมื่อห้าปีที่แล้ว ยังมีผู้เล่นระดับคุณภาพเพียงน้อยรายไม่เหมือนกับในปัจจุบัน

หลังจากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ในการเปิดโครงการที่อยู่อาศัยในกลุ่ม Luxury –  Super Luxury ตลอดช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา วันนี้ สิงห์ เอสเตท ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าบริษัทฯ ได้ขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดคอนโด Super Luxury ในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยมีโครงการที่การันตีความสำเร็จ สร้างเสร็จพร้อมอยู่ในปัจจุบันที่มากถึง 2 โครงการ อย่าง The ESSE Asoke และ The ESSE @ Singha Complex และตามมาด้วยแบรนด์โครงการอสังหาริมทรัพย์อีก 4 แบรนด์ อย่าง  แบรนด์บ้าน Ultra Luxury SANTIBURI The Residences, THE ESSE Sukhumvit 36 แบรนด์คอนโด High rise ติด BTS ทองหล่อ ที่ร่วมทุนกับกลุ่ม Hong Kong Land, EYSE Sukhumvit 43 แบรนด์คอนโดลักซ์ซัวรี่ Low rise ใจกลางสุขุมวิท และแบรนด์น้องใหม่อย่าง The EXTRO แบรนด์ที่ใส่สีสันความเป็น Lifestyle ลงไปในการพัฒนา โดยเน้นช่องว่างทางการตลาดในกลุ่มที่มีกำลังซื้อในระดับ Luxury แต่ยังต้องการคอนโดที่มี Design นำสมัย ให้ทุกฟังก์ชั่นใหม่ๆที่เหมาะสมกับการใช้งานในปัจุบัน และตั้งอยู่บนทำเลที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ Young Urban People ที่มีกำลังซื้อสูง แต่ชื่นชอบทำเลที่มีความเป็นไลฟ์สไตล์สูง เหมาะแก่การใช้ชีวิต โดยที่ยังเดินทางไปทำงานในย่าน CBD ได้สะดวก และผ่อนคลายได้ในทุกครั้งที่กลับมาบ้าน กับพื้นที่ส่วนกลางที่ครบครัน ทั่วทั้งโครงการและเชื่อมต่อกับสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใกล้โครงการ ซึ่งโครงการแรก ภายใต้แบรนด์ The EXTRO คือ The EXTRO Phayathai-Rangnam (ดิ เอ็กซ์โทร พญาไท-รางน้ำ) ที่อยู่ใกล้ King Power และสวนสันติภาพ สวนสาธารณะแห่งเดียวใจกลางย่านราชเทวี-พญาไท-รางน้ำ

ย่านราชเทวี-พญาไท-รางน้ำ นับว่าเป็นย่านแห่งการเติบโตอย่างไม่มีวันหยุด และเป็นหมุดหมายแห่งการเดินทางและใช้ชีวิต เพราะเป็นย่านที่รายล้อมไปด้วย  facilities ระดับเมือง อย่างโรงพยาบาลรัฐและเอกชนหลากหลายแห่ง และเป็นที่ตั้งของแหล่งไลฟ์สไตล์ชั้นนำ ที่เป็นหมุดหมายสำคัญสำหรับเหล่านักเดินทางทั่วโลก อาทิ โรงแรมพูลแมน King Power Duty Fee Complex Rangnam (คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี คอมเพล็กซ์ รางน้ำ) ที่นอกจากจะเป็นศูนย์รวมสินค้าแบรนด์เนมระดับโลกปลอดภาษี แล้วยังมีร้านอาหารนานาชาติชั้นนำมากมายไว้ให้บริการลูกค้า  อีกทั้งซอยรางน้ำก็ขึ้นชื่อในเรื่องของแหล่งไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันที่มีทั้งพนักงานออฟฟิศในย่านนั้นหรือนักท่องเที่ยวก็มีให้เห็นอยู่ตลอด ตกกลางคืนไม่ต้องพูดถึง แสงสีจากร้านค้าสุดฮิบที่เห็นตลอดสองฝั่งทางนั้นยิ่งมีความคึกคักเป็นพิเศษ ทั้งร้านอาหารที่มีให้เลือกอย่างมากมาย คาเฟ่ และร้านนั่งชิลนั่งดื่ม ก็มีทั้งคนไทย ชาวต่างชาติ แถมเดินทางสะดวกอีกด้วย เช่นเดียวกับสวนสันติภาพที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ สำคัญที่สุดในย่านนี้

รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการเดินทางของระบบคมนาคม ทั้งทางถนนอย่างถนนพญาไท ถนนเส้นหลักที่ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ในการเดินทาง ไปยังย่านต่างๆ อย่าง ถนนพระสามสี่ สามย่าน สยาม ได้อย่างสะดวก รวมทั้งการให้บริการของรถไฟฟ้าทั้ง BTS สายสีเขียว และรถไฟฟ้าสายสีส้มในอนาคต ก็ยิ่งเพิ่มสะดวกสบายให้กับการเดินทาง และดึงดูดให้ผู้คนมาใช้ชีวิตในย่านนี้มากขึ้น เพราะจะทำให้สามารถเชื่อมต่อไปยังย่านมีนบุรีได้ในเวลาอันสั้น ทำให้การเดินทางจากนอกเมืองเข้ามาสู่ใจกลางเมืองใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง กับสถานีราชเทวีที่เป็นสถานี Interchange กับรถไฟฟ้า BTS และสถานีราชปรารถที่ Interchange กับ  ARL ราชปรารภ ซอยรางน้ำจึงเป็นพื้นที่ที่เชื่อมการเดินทางของรถไฟฟ้าขนาดใหญ่ 2 เส้นทางคือสายสีเขียว (BTS) และสายสีส้มตะวันตก  เช่นเดียวกับย่านรางน้ำที่มีสถานีรถไฟฟ้าอยู่ใกล้ถึง 2 แห่งคือ BTS สายสีเขียวสถานีอนุสาวรีย์ และสายสีส้มตะวันตกสถานีรางน้ำที่อยู่บนถนนราชปรารภ

และแผนในอนาคตกับ “โกลบอล เกตเวย์” เส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา ที่จะทำให้การเดินทางระหว่างเมืองท่องเที่ยวและการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ ง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้น

นอกจากโครงการในอนาคตแล้ว ที่เริ่มเห็นเค้าโครงก็คงจะเป็นย่านที่มีโครงการ Mixed Use ใหม่หลายโครงการที่ช่วยเติมเต็มความเป็น Business District ใจกลางเมืองแห่งนี้ อาทิ อาคารสปริง ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานที่มีการร่วมทุนกันของ 3 บริษัท คือ บริษัท ไอร่า พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด, บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด เดอะ ยูนิคอร์น โครงการมิกซ์-ยูสของกลุ่มยูซิตี้ภายในโครงการประกอบด้วย โรงแรมระดับ 5 ดาว พื้นที่ค้าปลีก และพื้นที่สำนักงาน One Phayathai โครงการมิกซ์-ยูส พื้นที่ค้าปลีก สำนักงาน Co-working space โรงแรม และ Community ที่ตอบโจทย์ทุกมิติการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ที่สะท้อนความเป็นตัวเอง และอยู่ในพื้นที่เดียวกับโครงการ Park Origin Phayathai คอนโดมิเนียมติดถนนใจกลางเมือง ในย่านพญาไท JRK Tower ราชเทวี อาคารออฟฟิศเกรด A โรงแรมระดับ 5 ดาว และพื้นที่รีเทล ติด BTS ราชเทวี

ไม่เพียงแค่แวดล้อมไปด้วยอาคารสำนักงานใหญ่ๆ ที่มีในปัจจุบัน รวมถึงอาคารที่กำลังพร้อมให้บริการในอนาคตแล้ว แต่ที่นี่ยังมีความเป็น Medical Hub ซึ่งมีโรงพยาบาล ศูนย์การแพทย์หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลสงฆ์ โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน และโรงพยาบาลพญาไท 1, 2 พร้อมทั้งบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านต่างๆ รวมกว่า 3,013 คน และยังเต็มไปด้วยสถาบันการศึกษา ทั้งโรงเรียนกวดวิชาที่อาคารวรรณสรณ์ CP Tower 3 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงเรียนชื่อดังที่อยู่โดยรอบอีกด้วย

(อ่านข้อมูลทำเลพื้นที่เพิ่มเติมที่  PropStat Exclusive: บทวิเคราะห์ศักยภาพทำเลราชเทวี – พญาไท – รางน้ำ )

The EXTRO Phayathai-Rangnam เป็นโครงการระดับลักซ์ชัวรี่ ในราคาสำหรับคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์ไม่ตามใคร เน้นการใช้ชีวิตแบบสมดุล (Work Life Balance) และมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อเติมเต็มชีวิต สิงห์ เอสเตท จึงออกแบบโครงการ ภายใต้แนวคิดที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย และสอดคล้องกับศักยภาพของทำเลย่านรางน้ำ บนแนวคิดพิเศษ 5 ประการ ได้แก่

1) EXTRA NEIGHBORHOOD

กับย่านที่ผสมผสานวิถีชีวิตหลากหลายรูปแบบไว้อย่างมีสีสันและคึกคักตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะพื้นที่สำนักงาน ห้างร้าน ในช่วงเวลากลางวัน และพื้นที่ท่องเที่ยวในเวลากลางคืน พื้นที่ส่วนกลางของคอนโดจึงถูกออกแบบโดยคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ที่ไม่เคยหลับใหล อาทิ พื้นที่ส่วนกลางที่เปิด 24 ชั่วโมง อย่าง Co-Social space และ Co-Working Space (รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้กับเจ้าหน้าที่โครงการ)

2) EXTRA TIME

เพราะเวลาเป็นเรื่องมีค่ากับชีวิต แต่คุณจะได้เวลามากกว่าเมื่ออยู่ที่นี่ เพราะทำเลที่ตั้งโครงการ ที่ใกล้รถไฟฟ้าที่เดินทางได้สะดวกและรวดเร็ว (เดินเพียง 5 นาทีถึงสถานี BTS อนุสาวรีย์ฯ และในอนาคตจะมี MRT สายสีส้มส่วนต่อขยาย ห่างออกไปจากตัวโครงการเพียง 400 เมตร) สามารถเข้าสู่พื้นที่ต่างๆของเมืองได้อย่างง่ายดาย

3) EXTRA SPACE

กับการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางในคอนโดที่หลากหลายการใช้งาน กระจายอยู่โดยรอบพื้นที่คอนโด เช่น สวนลอยฟ้า Stack Garden และ Social Lounge บนชั้น 33 ที่ให้คุณได้ผ่อนคลาย หรือสังสรรค์กับเพื่อนๆ

4) EXTRA LIFESTYLE

กับที่ตั้งโครงการติดสวนสันติภาพขนาดใหญ่กว่า 20 ไร่ และเอาใจคนรักสุขภาพ กับการออกแบบฟิตเนสให้มีถึง 3 ชั้น พร้อมอุปกรณ์ ครบครัน พร้อมสนามซ้อมวิ่ง Running Bowl Track สำหรับวอร์มร่างกายก่อนออกวิ่งในสวนจริง

5) EXTRA CONVENIENCE

การใช้นวัตกรรม Smart Living ด้วยระบบ Home Automation พร้อมระบบจอดรถอัตโนมัติ สมาร์ทล็อคเกอร์ และ EV Changer

The EXTRO Phayathai-Rangnam เป็นอาคารสูง 33 ชั้น จำนวน 411 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2-0-71 ไร่ ติดสวนสันติภาพบนถนนรางน้ำ

มีสไตล์การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากที่ตั้งโครงการและพื้นที่ที่มีสีสัน หลากหลาย สะท้อนผ่านการออกแบบ การเลือกสรรวัสดุและเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ให้คุณได้รู้สึกพิเศษกว่ากับการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางทีอัดแน่นไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมเทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตมีความสะดวกสบาย และความโดดเด่นของ กระจก Full-height Glass Curtain wall ที่สามารถเก็บเสียงจากภายนอกได้ดี และเปิดรับ city วิวได้เต็มที่ และ Aluminum Cladding ที่บริเวณ facade ชั้นที่จอดรถที่ดูโมเดิร์น เรียบ หรู เหมาะกับงานศิลปะชิ้นเอกของย่าน

นอกจากตัวอาคารภายนอกที่ออกแบบเป็นเสมือนงานศิลปะแล้ว ภายในอาคารยังนำเอาแนวคิดของสวนสันติภาพมาประยุกต์ใช้งาน กับความหมายของสันภาพ เสรีภาพ ซึ่งถ้ากล่าวถึงเรื่องนี้ ศิลปินและศิลปะชิ้นเอกที่เป็นนัยยะสำคัญของคนทั่วโลกที่รู้จักกันดีก็คือ นกพิราบ ของ Pablo Picasso ซึ่งถูกแปลความและนำภาพผลงาน Natural Iconic Art มาใช้ตกแต่งภายในอาคาร

และอีกหนึ่งการนำบริบทสวนสันติภาพมาใช้งานก็คือการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่มีการดีไซน์สเปซให้มีความแตกต่างกันในแต่ละชั้น เสมือนต้นไม้ใหญ่ ที่มีโพรงไม้เป็นส่วนโค้งเว้า ถูกนำเสนอผ่านเส้นสาย โทนสีของการตกแต่งภายใน ของพื้นที่ส่วนกลาง ตั้งแต่ด้านหน้าโครงการ อย่างพื้นที่ Running Bowl Track พื้นที่วอร์มและฝึกซ้อมการวิ่ง ที่ออกแบบเป็นสโลปวงกลม ที่ต้องวิ่งด้วยความเร็วเพื่อสร้างแรงเหวี่ยง เพื่อให้สามารถทรงตัวและและเป็นการสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อไปในตัว เหมาะสำหรับคนที่ซ้อมวิ่ง วอร์ม ก่อนออกสู่สนามจริง หรือวิ่งเข้าไปสู่สวนสันติภาพข้างๆโครงการ

พื้นที่ lobby ที่ใช้เส้นโค้งของโพรงไม้ เป็นฟอร์มธรรมชาติ ผสานกับวัสดุ สีสันอันทันสมัยที่ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวเฉพาะของผู้พักอาศัย แยกกับพื้นที่ Co-Social club ที่อยู่ด้านหน้าติดทางเข้า ที่เป็นพื้นที่พักคอยของผู้มาติดต่อ แยกการใช้งานอย่างชัดเจน

พื้นที่ส่วนกลาง ชั้น 33 อย่าง Alpine Lounge ก็ถูกออกแบบให้เหมือนกิ่งก้าน และปลายใบของยอดไม้ผ่านเส้นสาย ที่ดูโปร่ง โล่ง เชื่อมกับวิวเมืองด้านนอก

รวมทั้งยังมีสวนสีเขียว ที่ออกแบบให้แทรกอยู่ระหว่างอาคาร ที่เชื่อมด้วยลิฟท์ส่วนกลางตั้งแต่ชั้น 23,27,32จนถึง Roof top ที่มี Observation Deck ยกระดับขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง

ส่วน facilities หลักอยู่ที่ชั้น 32-33 อย่างสระว่ายน้ำ ที่ออกแบบให้เป็นทรงวงรีกับพื้นที่ Hydro spa แยกกับ Scenic swimming pool และโอบล้อมด้วยพื้นที่กิจกรรมอย่างสวน pocket garden, amphitheatre

ส่วนพื้นที่ออกกำลังกาย, ห้องออกกำลังกายแบบ Challenging Gym ที่ยกเสต็ปเชื่อมขึ้นลงได้ด้วยบันได และมุมมองที่เปิดโล่ง

เนื่องจากโครงการตั้งอยู่บนซอยรางน้ำ ทำให้ตัวอาคารวางตัวแนวออกตก ด้านหน้าอาคารติดทางเข้าซอยรางน้ำ คือ ทิศใต้ เป็นวิวเปิดโล่ง มองเห็นอาคาร king power ไปจนถึงย่านพญาไท สยาม

ส่วนทิศเหนือ ด้านหลังโครงการเป็นวิวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ทิศตะวันตกติดอาคาแปลงด้านข้าง และทิศตะวันออกเห็นวิวสวนสันติภาพ เป็นพื้นที่สีเขียวผืนใหญ่

ในส่วนของห้องพักอาศัยที่นี่มี 3 แบบ ได้แก่

1 ห้องนอน (31.25-35 ตารางเมตร) เป็น unit size ที่มีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการฯ มีจำนวน 4 ขนาดด้วยกัน

มีทั้งห้อง 1bedroom type มาตรฐาน เพดานสูง 2.85 เมตร คือแบ่งพื้นที่ใช้งานทั้ง living area และห้องนอนเท่าๆกันอย่าง 1bedroom flexi 31.25 Sq.m. มีเพียง 2 ยูนิตต่อชั้น วิวทิศตะวันตก

ไปจนถึง 1bedroom ห้องหน้ากว้างขนาด 35 Sq.m. ที่ให้ทุกพื้นที่ของยูนิตติดอากาศ ได้วิวมุมกว้างเปิดมุมมองที่แตกต่าง แม้เป็นห้องเล็ก เป็น type ที่มีจำนวนเยอะที่สุด และมียูนิตละ 10 ห้องต่อชั้น

ห้อง 1bedroom 35 Sq.m. ห้องมุมสุดทางเดิน เพียง 2 ยูนิตที่ชั้น 6

และห้อง 1bedroom 35 Sq.m. ห้องมุม เป็นห้องพิเศษหน้ากว้าง ได้ห้องนอนกระจกเข้ามุม มีเพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น

รองลงมาคือ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ (48.25-71.00 ตารางเมตร) ที่เป็นห้องมุมของตึก เกือบทุกห้องได้กระจกเข้ามุมที่ห้องนอนใหญ่ มีถึง 10 แบบ

มีทั้งห้อง type มาตรฐาน มีห้อง dinning & living ตรงกลาง แยกพื้นที่ห้องนอนทั้งสองห้องที่ด้านซ้ายและขวา ห้องแรกขนาด 48.25 Sq.m. มีชั้นละ 1 ยูนิต วิวทิศตะวันตกเฉพาะชั้น 29-30

2 bedroom 53 sq.m. มีชั้นละ 2 ห้องวิวทิศเหนือ เฉพาะชั้น 29-30

ขนาด 53.25 Sq.m. ห้องนอนใหญ่เข้ามุม ติดห้องนอนเล็ก มีชั้นละ 1 ห้อง เฉพาะชั้น 24-26

ขนาด 59.00  sq.m.  ห้องนอนใหญ่ได้กระจกเข้ามุม มีชั้นละ 1 ห้อง เฉพาะชั้น 24-26

2 bedroom 55.25 Sq.m. ห้องนอนใหญ่กระจกเข้ามุมที่ชั้น 7-22 ชั้นละ 2 ยูนิต วิวด้านหน้าโครงการ

2bedroom 57.75 sq.m. ชั้นละ 1 ห้อง

รวมทั้งห้อง 2 bedroom 59 และ 64 sq.m. ห้องทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ห้องมุมทางเดิน ชั้นละ 1 ห้อง

ไปจนถึงห้องหน้ากว้าง ที่ชั้น 29-30 ขนาด 71. Sq.m.

และแบบ Duplex (82.5-111.75 ตารางเมตร) เพดานสูง 6.15 เมตรที่มีเพียง 5 ห้อง บนชั้น 29 – 30 โดยเป็นห้อง Duplex แท้ๆที่ได้พื้นที่ใช้สอยจริงตามโฉนด

ห้องตัวอย่างโครงการตกแต่งให้ชม 2 ห้อง คือ 1 bedroom 35 sq.m. และ 2 bedroom 55.25 sq.m. โดยที่ sale gallery ห้องตัวอย่างถูกยก ขึ้นไปอยู่ที่ชั้น 2 น่าเสียดายที่ไม่ได้สร้างห้องตัวอย่างเป็นฝั่งติดสวนสันติภาพ แต่ภายใน sale gallery ก็ตกแต่งทางขึ้นบันไดด้วยสวนหย่อมขนาดเล็ก เพราะโครงการมีการทำสวนกระจายอยู่ทั่วทั้งอาคาร

ห้องแรกที่พาชมคือ 1 bedroom 35 sq.m. เพดานสูง 2.85 เมตร ห้องที่มีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการ

ภายในเปิดมาจะพบกับพื้นที่ครัว และ living เชื่อมต่อกัน

แบ่งพื้นที่ห้องน้ำและห้องนอนอยู่ที่ปีกขวาของห้อง

ที่ประตูทางเข้ายูนิตเป็นประตูสีเทาเงิน เซาะร่องทำลาย โครงการให้ digital door lock จากเกาหลี ยี่ห้อ MAZI

และเมื่อเปิดประตูเข้าสู่ภายในห้องจะมี Motion sensor เปิดไฟ เป็น Welcome light เมื่อเข้าสู่ภายในห้อง ทำให้ไม่ว่าคุณจะกลับมาถึงดึกแค่ไหน หรือถือของหนักแค่ไหน ก็ไม่ต้องเอื้อมมือไปควานหาที่เปิดไฟให้ยุ่งยากเลย

ด้านซ้ายติดทางเข้า พื้นที่ส่วนแรก เป็นครัวเปิด

โครงการให้ครัว built-in เข้ามุมเต็มความกว้างผนัง สูงจากพื้นจรดเพดาน

เคาท์เตอร์ครัว โครงการให้เตาไฟฟ้า 2 หัวของ teka

ติดกันมีพื้นที่มากพอให้เป็นที่จัดเตรียมอาหาร

และพื้นที่ล้างจานที่ปลายเคาท์เตอร์ ของ teka เช่นกัน

ด้านล่างเคาท์เตอร์เป็นชิ้นชัก ตู้เก็บอุปกรณ์ทำครัว ไม่ว่าจะชิ้นเล็กชิ้นใหญ่ ก็มีให้เลือกใช้งานครบทุกความต้องการ

เหนือเคาท์เตอร์มีที่ดูดควัน และ microwave built-in พร้อมช่องวางอุปกรณ์ต่างๆ

เหนือเคาท์เตอร์มีที่ดูดควัน และ microwave built-in พร้อมช่องวางอุปกรณ์ต่างๆ

ระหว่างพื้นที่ครัว และ living area สามารถวางโต๊ะอาหารสำหรับ 2 ที่นั่งได้

ในส่วนพื้นที่พักผ่อน วางไว้ติดกับประตูกระจกออกระเบียง

พื้นที่กว้างพอให้วางโซฟาสำหรับ 2-3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางตัวเล็ก

ที่ผนังฝั่งตรงข้าม ติดทางเข้าห้องนอนสามารถตั้งชั้นวางทีวีไว้ที่ผนังฝั่งนี้ได้

ติดกันเป็นทางออกระเบียง ที่โครงการให้ราวกันตกเป็นกระจก

แบ่งพื้นที่ตั้งคอมฯแอร์และตั้งเครื่องซักผ้า พร้อมฉากกั้นปิดเป็นสัดส่วน

ด้านขวาของยูนิตเป็นห้องน้ำและห้องนอน ที่ออกแบบให้พื้นที่วางเตียงอยู่ติดหน้าต่างกระจกบานใหญ่

พื้นที่ส่วนนี้กว้างพอให้วางเตียง King size พร้อมโต๊ะหัวเตียงทั้งสองข้าง

ที่ปลายเตียงเป็นผนังทึบ สามารถตั้งทีวีได้ที่ผนังด้านนี้

สำหรับนอนดูหนังก่อนนอนสักเรื่อง หรือพักสายตากับวิวเมืองด้านนอก เพราะโครงการให้กระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน เต็มความกว้างของห้อง

ส่วนผนังติดทางเข้า โครงการให้ตู้เสื้อผ้า built-in สูงจรดเพาน

ติดกันเป็นทางเข้าห้องน้ำ ที่ภายในแยกส่วนแห้งติดทางเข้า และส่วนเปียกไว้ด้านในสุด

กั้นด้วย shower glass และยกขอบกันน้ำ แยกการใช้งาน

ที่ส่วนแห้งโครงการฯให้อ่างล้างหน้าฝังเคาท์เตอร์แบบลอยตัว

ที่อ่างล้างหน้า ด้านล่างให้ตู้เก็บอุปกรณ์อาบน้ำ

ติดกันเป็นโถสุขภัณฑ์แบบ auto washlet ของ KOHLER

ส่วนภายในพื้นที่ส่วนเปียก ติดประตูกระจก โครงการออกแบบช่องวางอุปกรณ์อาบน้ำไว้ให้ถึง 3 ช่อง

ด้านในเป็นพื้นที่อาบน้ำ ที่มีทั้ง Rain shower และ hand shower มาให้ครบครัน

ที่สำคัญ ห้องน้ำเป็น double access ที่เข้าออกได้ทั้งจากห้องนอนและห้อง liviing บริเวณครัว ทำให้ไม่ต้องเข้าใช้งานผ่านห้องนอน หรือเวลามีแขกมาบ้าน ก็สะดวกต่อการเข้าออกด้วยเช่นกัน

ห้องนี้เหมาะสำหรับอยู่คนเดียว หรือคนกำลังสร้างครอบครัว รวมทั้งซื้อไว้ลงทุน ให้ลูก ให้หลาน ที่ชอบใช้ชีวิตอยู่ใจกลางเมือง หรือซื้อไว้เผื่อขยับขยายสำหรับคนซื้อห้อง Combine (ต้องสอบถามข้อมูลตำแหน่งห้อง Combineที่โครงการฯ)

ห้องตัวอย่างที่ 2 เป็นห้อง 2 Bedroom 55.25 Sq.m. ห้องหน้ากว้าง

ห้องนี้เปิดเข้ามาจะพบกับ dinning & living area เปิดต้อนรับด้วย welcome light และประตู digital door lock ของ MAZI จากเกาหลี

พื้นที่ครัวถูกวางไว้ติดประตูทางเข้าด้านขวา ยาวเต็มผนัง

ส่วนที่ด้านซ้าย หลังประตูทางเข้า เป็นชั้นวางรองเท้า และตู้เก็บของ built-in

ที่ครัวโครงการ built-in ให้สูงจากพื้นจรดเพดาน ปลายสุดเป็นที่วางตู้ย็นแบบ 2 ประตูบนล่าง

ที่เคาท์เตอร์ด้านในสุดเป็นอ่างล้างจานแบบ 2 หลุม

คั่นกลางด้วยพื้นที่เตรียมอาหาร

และเตาไฟฟ้าแบบ 3 หัวของ Teka

และเตาไฟฟ้าแบบ 3 หัวของ Teka

พร้อมเจาะช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้าฝาหน้า

และbuilt-in microwave ของ Teka

เหนือเคาท์เตอร์เป็นช่องวางอุปกรณ์ทำครัว แยกขนาดและช่องตามขนาดต่างๆ

ด้านหน้าเคาท์เตอร์ เป็นที่ตั้งโต๊ะทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่ง

ด้านหลังโต๊ะทานอาหารเป็นพื้นที่สำหรับนั่งพักผ่อนติดริมประตูออกระเบียง

พื้นที่ส่วนนี้กว้างพอให้วางชุดโซฟาสำหรับ 3-4 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลาง

ที่ผนังฝั่งตรงข้ามเป็นที่ตั้งชั้นวางทีวี

ติดริมประตูกระจกออกระเบียง ที่สามารถชมวิวเมืองโดยรอบได้

ที่ระเบียง ราวกันตกเป็นกระจก พื้นที่ระเบียงกว้างพอให้ใช้งาน หรือทำเป็นมุมจัดสวน นั่งจิบกาแฟได้

โครงการกั้นสัดส่วนพื้นที่ตั้งคอมฯแอร์พร้อมผนังกั้นเพื่อความเรียบร้อย

ในส่วนของห้องนอนแรก อยู่ที่ปีกซ้ายของยูนิต เป็นห้องนอนขนาด Compact

กว้างพอให้วางเตียงเดี่ยวพร้อมโต๊ะหัวเตียง หรือเตียง Queen size แต่จะเต็มพื้นที่ห้อง เหลือเพียงทางเดินหน้าตู้เสื้อผ้า

ปลายเตียงเป็นที่ติดตั้งทีวีแบบติดผนัง

เหมาะสำหรับนอนชมวิวเมืองยามค่ำคืน เพราะโครงการให้หน้าต่างกระจกบานใหญ่ เปิดมุมมองเชื่อมพื้นที่เมืองด้านนอก

ติดประตูทางเข้าเป็นที่ตั้งของตู้เสื้อผ้า ที่built-in ให้สูงจรดเพดาน

ห้องน้ำสำหรับห้องนอนเล็ก ใช้ร่วมกับห้อง living ที่มีพื้นที่ส่วนแห้งติดประตูทางเข้า

ห้องน้ำสำหรับห้องนอนเล็ก ใช้ร่วมกับห้อง living ที่มีพื้นที่ส่วนแห้งติดประตูทางเข้า

ติดกันเป็นที่ตั้งของโถสุขภัณฑ์

ส่วนด้านขวาของทางเข้าเป็นพื้นที่ส่วนเปียก

โครงการให้ hand shower ติดผนังลายหินสีเทา

ส่วนห้องนอนใหญ่อยู่ที่ปีกขวาของยูนิต

อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่าห้อง 2 bedroom ที่นี่ทุกห้องเป็นห้องมุม ทำให้ได้กระจกเข้ามุมที่ห้องนอนmaster

เป็นพื้นที่พักผ่อนที่เป็นสัดส่วน กว้างพอให้วางเตียง king size พร้อมโต๊ะหัวเตียงทั้งสองฝั่ง

และยังมีพื้นที่ปลายเตียงเหลือมากพอให้ตั้งโต๊ะวางทีวี หรือวางของได้

ติดกันเป็นโต๊ะเครื่องแป้งหรือปรับเป็นโต๊ะทำงานได้ในบางเวลา

ติดประตูทางเข้าเป็นตู้เสื้อผ้า built-in ยาวเต็มแนวผนัง สูงจรดเพดาน เรียกว่าใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าทุกการใช้งาน

ติดตู้เสื้อผ้าเป็นทางเข้าห้องน้ำ ท่ีภายในแบ่งพื้นที่ส่วนแห้งติดทางเข้า และพื้นที่ส่วนเปียกที่ด้านขวาของทางเข้า

พื้นที่ส่วนแห้งโครงการให้อ่างล้างหน้าฝังเคาท์เตอร์แบบลอยตัว

ติดกันเป็นที่ตั้งของโถสุขภัณฑ์ โครงการให้ auto washlet ของ Kohler

เนื่องจากเป็นห้องมุม ทำให้ห้องน้ำมีช่องระบายอากาศ และเปิดรับแสงเข้าสู่ภายใน

พื้นที่ส่วนเปียก โครงการให้ rain shower และ hand shower พร้อมที่วางอุปกรณ์อาบน้ำ

สำหรับห้องนี้ เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก หรือคนที่กำลังเริ่มสร้างครอบครัว มีห้องนอนเล็กไว้สำหรับสมาชิกในครอบครัว หรือสำหรับคนที่ชอบห้องกว้าง มีห้องอเนกประสงค์ไว้ทำกิจกรรมที่ตนชื่นชอบก็ได้เช่นกัน

แม้ว่าสิงห์ เอสเตท จะเพิ่งเริ่มพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยมาเพียง 5 ปี แต่ก็กลับมี Passion และความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ในการพัฒนาโครงการต่างๆที่ตอบโจทย์ Luxury Lifestyle ให้ครอบคลุมในทุกเซกเมนท์ ทั้งในส่วนของ Demographic และ Psychographic ทั้งนี้ในปัจจุบัน แน่นอนว่าด้วยสภาพตลาดที่มีผู้เล่นมากมายทั้งจากในและต่างประเทศ ประกอบกับความเชื่อมั่นในตัวผู้บริโภค และกำลังซื้อที่ลดลงจากปัจจัยภายนอกต่างๆ ล้วนก่อให้เกิดความท้าทายใหม่ๆกับทุกดีเวลลอปเปอร์ที่หมายมั่นว่าจะเปิดขายโครงการใดๆในช่วงนี้ แน่นอนว่าในเรื่องของปัจจัยในด้านทรัพยากร และแหล่งเงินทุน ดูจะไม่ได้เป็นประเด็นอะไรเลยสำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ในเครือบุญรอดฯ อย่างสิงห์ เอสเตท แตกต่างกับผู้เล่นหน้าใหม่หลายๆรายที่ต้องประสบปัญหาหนักจากการที่ธนาคารไม่ปล่อยกู้โครงการใหม่ และการควานหาลูกค้าพร้อมโอนที่ยากมากกว่าเดิม ดังนั้นบริษัทฯจึงเลือกที่จะเดินหน้าเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ภายใต้สมมติฐานที่ว่าโครงการที่จะขายได้นั้น ต้องเป็นโครงการที่มอบประสบการณ์ที่แตกต่าง น่าพิศมัย สอดรับกับบริบทของทำเลนั้นๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มกำลังซื้อหน้าใหม่ ให้เข้ามาลองสัมผัสกับความเป็น Best In Class ที่พร้อมจะ Transform ให้เข้ากับเทรนด์การใช้ชีวิต เพื่ออนาคตข้างหน้า โดยจากการแถลงข่าวครั้งล่าสุดเมื่อเดือนมค.ที่ผ่านมา คุณนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ได้มองกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์สำหรับกลุ่มธุรกิจ Residential ว่าปีนี้ยังเป็นปีที่ สิงห์ เอสเตท มุ่งสร้างแบรนด์ในทุกมิติเพื่อให้เป็นแบรนด์ในระดับพรีเมียมและน่าเชื่อถือ ภายใต้แคมเปญ “Singha Estate Enriching Life สร้างคุณค่าให้ชีวิต” ตั้งแต่การพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพแบบ Best in Class และการสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ (Memorable Experience) รวมทั้งการเป็นบริษัทที่เป็นตัวอย่างของนักพัฒนาอย่างยั่งยืน (Business Practitioner) ซึ่งเป็นปรัชญาในการดำเนินธุรกิจที่ได้รับมาจากบริษัทแม่ คือกลุ่มบุญรอดบริวเวอรี่

การสร้างคุณค่าให้ชีวิต และสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำ ถูกนำมาใช้เป็น Keyword หลักในการพัฒนาโครงการ THE EXTRO Phayathai – Rangnam ด้วยแนวคิด “Extraordinary Living” ที่เน้นความพิเศษกว่า เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ ชอบใช้ชีวิตในหลากหลายรูปแบบและไม่จำกัดกรอบชีวิตในบทบาทเดียว (Living Unstoppable) โดยอาศัยจุดเด่นของทำเลที่ตั้งที่ดีที่สุดบนถนนรางน้ำ ตรงข้าม King Power Rangnam Complex และ ติดกับสวนสันติภาพ ซึ่งในกรุงเทพเองก็มีโครงการคอนโดน้อยมากที่จะอยู่แนบชิดกับพื้นที่สีเขียวที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่กว่า 20 ไร่ และสามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว เพราะอยู่ห่างจากสถานี BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสถานี MRT รางน้ำ (สายสีส้ม) เพียงแค่ 400 เมตร รวมถึงใกล้กับสถานีแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ พญาไท และจุดขึ้นลงทางด่วน…จึงอาจกล่าวได้ว่าสำหรับใครหลายๆคนที่เคยมองว่าแบรนด์เดิมๆอย่าง The ESSE เป็นแบรนด์ที่ดูจะมีความเป็นผู้ใหญ่ สุขุม ลุ่มลึก แต่ขาดความกระฉับกระเฉง ไม่ค่อยเน้นสีสัน ก็ขอให้ต้องลืมภาพจำในแบบเดิมๆไป และมองแบรนด์ THE EXTRO เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของกลุ่ม Luxury Lifestyle Condo เน้นเรื่องดีไซน์และนวัตกรรมการอยู่อาศัย แต่ใช้วัสดุที่มีคุณภาพราคาแพง ที่ยังค่อนข้างมีน้อยในตลาด โดยเฉพะอย่างยิ่งในย่านพญาไท – รางน้ำ เพราะส่วนใหญ่แล้วก็มักจะเห็นแค่ในย่านทองหล่อ หรืออโศก

ไม่เพียงเท่านั้น โครงการ THE EXTRO Phayathai – Rangnam ยังถือว่าเป็นโครงการระดับลักซ์ชัวรี่แห่งแรกของย่านนี้ ที่มีราคาเริ่มต้นเพียง 191,680 บาทต่อตร.ม. เท่านั้น ในขณะที่โครงการที่อยู่ติดถนนใหญ่สถานี BTS เดียวกันก็มีราคาขายพุ่งขึ้นไปมากกว่าตารางเมตรละ 260,000 บาท

ที่นี่จึงเรียกว่าเป็นโครงการที่ Best in Class ในย่านพญาไท – รางน้ำ ที่ถูกสร้างมาเพื่อไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคใหม่มีกำลังซื้อสูง เป็นหมุดหมายใหม่แห่งการท่องเที่ยว ช้อปปิ้ง ผ่อนคลายทั้งจากคนไทยและชาวต่างชาติ และที่สำคัญคือมีพื้นที่สีเขียวผืนใหญ่ผืนเดียวของย่าน ที่อยู่ติดกันให้ได้พักผ่อน สูดอากาศบริสุทธิ์ ทุกวัน กับราคาขายที่คนยุคใหม่เอื้อมถึง เฉลี่ยตารางเมตรละ 235,000 บาท/ตารางเมตร หรือ ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 5.99 ล้านบาท

THE EXTRO Phayathai – Rangnam พร้อมเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 22-23 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้ที่สนใจสามารถชมห้องตัวอย่างได้ที่โครงการ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.singhaestate.co.th หรือโทร 1221

THE EXTRO พญาไท-รางน้ำ คอนโดติดสวนสันติภาพ ขนาด 20 ไร่ อยู่ในย่านที่มีชีวิตชีวาทั้งแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหารหลากหลาย บาร์สนุกๆ และร้านกินดื่มฟังเพลง

ย่านเดียวกับคิงพาวเวอร์ช้อปปิ้ง

ย่านรางน้ำมีทุกสิ่งที่จะให้ชีวิตชีวากับคุณได้ไม่รู้จบ

มาเติมชีวิตให้มีชีวาได้ที่ THE EXTRO

เพราะชีวิตไม่ใช่แค่อยู่แต่คือการสนุกกับทุกนาทีที่เรามีชีวิต

เริ่ม 5.99 ลบ.*

ลงทะเบียนวันนี้ เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอพิเศษ

THE EXTRO LIVING UNSTOPPABLE

#TheEXTRO

http://bit.ly/38IZ63i