CELES Asoke คอนโด Luxury บน Super Prime Area แยกอโศก-สุขุมวิท แต่สเปคแรงเกินมาตรฐานราคา

ย่านกลางเมืองที่มีการแข่งขันของตลาดคอนโดสูงอันดับต้นๆของกรุงเทพฯ หนึ่งในรายชื่อย่านอันดับต้นๆน่าจะมีย่านอโศกติดอยู่ในนั้น ซึ่งส่วนใหญ่การพัฒนาจะอยู่ในซอยย่อยของถนนอโศก หรือไม่ก็บนถนนช่วงตอนกลางถึงปลาย ส่วนตอนต้นของถนนที่เป็นจุดตัดของสถานีรถไฟฟ้า MRT และ BTS สายที่เปิดใช้ปัจจุบัน ส่วนใหญ่ก็แวดล้อมด้วยโรงแรม ห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงาน โดยล่าสุดเพิ่งมีการเปิดอาคาร Ashton Asoke ฝั่งเดียวกับ Terminal 21 ให้เข้าชมไป ในขณะที่ฝั่งตรงข้าม ก็กำลังมีคอนโด Luxury เปิดใหม่ ซึ่งก็ล้วนแต่สร้างเซอ์ไพร์สให้ใครต่อใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของบริษัทผู้พัฒนาฯ ดีไซน์ พื้นที่ส่วนกลาง และราคาขาย ภายใต้ชื่อ CELES Asoke

CELES Asoke เป็นคอนโดภายใต้การพัฒนาของ บริษัท Lucky Living เป็น Local Developer ที่ถนัดการสร้างคอนโด low rise ใน segment Premium อย่างแบรนด์ Liv@49 แต่กลับเปิดตัวมาอย่าง Surprise ด้วยตึกสูงใน segment Luxury บนถนนอโศกตอนต้น ที่เป็น Prime of the Prime area เพราะตั้งอยู่ใจกลางสี่แยกอโศก – สุขุมวิท

ห่างจากรถไฟฟ้าและรถใต้ดินที่แยกอโศกในระยะเดินเพียง 2 นาที

สามารถเดินทางบนถนนอโศก ไปยังเส้นสุขุมวิท ถนนรัชดาภิเษก ถนนพระราม 4 หรือเข้าซอยสุขุมวิท 24 เพื่อใช้ไปยังถนนเพชรบุรีได้

ให้คุณได้ใช้ชีวิต Live life , Live CELES ท่ามกลางพื้นที่ใจกลางเมือง

กับอาคาร 40 ชั้น บนที่ดินขนาด 1-1-20 ไร่ จำนวน 217 units กับที่พักอาศัยที่ชั้น9-32และชั้น 35-40

ออกแบบโดยการ set back จากหน้าถนนถึง 16 m เป็นสวน buffer กั้นพื้นที่ภายนอกและภายใน และทำให้ตัวอาคารร่นจากพื้นที่อาคารอื่นๆโดยรอบ

ที่ด้านหน้าติดถนนอโศก ด้านข้างเป็นอาคารที่พักอาศัยทั้งสองด้าน

ด้านหลังมีระยะอาคารที่พักอาศัย ติดกันจะมีอาคารออฟฟิตทาวเวอร์สูง

ตัวโครงการฯมีที่จอดรถอัตโนมัติ 82% ที่ชั้น 2-8 และใต้ดิน 2 ชั้น มาพร้อมกับ EV Charger ไว้รองรับ

และ facility จัดเต็ม ให้คุณได้พักผ่อนท่ามกลางวิวเมืองโอบล้อม ตั้งแต่ชั้น 1 ชั้น Mezzanine floor และ ชั้น33-34 แบบเต็มfloor

ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด purified sophisticate ให้ดูเรียบง่ายแต่หรูหรา ทันสมัย กับการใช้ vertical stainless fin ทั้งโครงการ และมากับรูปแบบห้อง 6 Type หลักๆ คือ 1Bedroom, 2Bedroom, 3Bedroom, Capella Penthouse, Crown Penthouse และ Crown Duplex

โดย 1Bedroom มี  5 ขนาด คือ

1BR : A1A  34.70Sq.m ห้องทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส แบ่งพื้นที่ใช้งานห้องนอนและห้องนั่งเล่นอย่างละครึ่ง เป็นพื้นที่นั่งเล่นที่ด้านซ้ายติดทางเข้า และห้องนอนที่ด้านขวา มีชั้นละ 1 ห้องที่ชั้น 9-32

1BR : A1B  34.70Sq.m แปลนห้องเหมือน 1BR : A1A  34.70Sq.m แต่กลับแปลนห้องซ้ายขวา มีชั้นละ 1 ห้องที่ชั้น 9-29

1BR : A2 42.19 Sq.m. แปลนห้องรูปตัว L ได้พื้นที่ Living แนวยาวและลึก ห้องนอนเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ห้องน้ำมีอ่างอาบน้ำ มีชั้นละ 1 ห้องที่ชั้น 9-29

1BR : A3 49.70 Sq.m. ห้องทรงลึก แบ่งพื้นที่ใช้งานห้องนอนและห้องนั่งเล่นอย่างละครึ่ง เป็นพื้นที่นั่งเล่นที่ด้านขวาติดทางเข้า และห้องนอนที่ด้านซ้าย ห้องน้ำบริเวณอ่างอาบน้ำเป็นกระจกเข้ามุม  มีชั้นละ 1 ห้องที่ชั้น 9-29

และห้อง 1BR Sizeใหญ่สุด คือ 1BR: A4 50.59 Sq.m. เป็น 1BRหน้ากว้างได้ห้องนอนกระจกเข้ามุม และกระจกห้องน้ำบริเวณอ่างอาบน้ำเข้ามุม มีชั้นละ 1 ห้องที่ชั้น 9-29

2Bedroom  มี 2 ขนาด

2BR : B1A และ B1B 70.30 Sq.m. ห้องหน้ากว้างได้พื้นที่ห้องนอนทั้ง2ห้องติดอากาศ และห้องliving กระจกเข้ามุมบานใหญ่เต็มแนวผนัง มีที่ชั้น 9-29 ชั้นละ 2 ห้อง

2BR : B2AและB2B 86.12 Sq.m. ห้องหน้ากว้าง ได้ทุกพื้นที่ติดอากาศ และได้ห้องนอนใหญ่กระจกเข้ามุม พร้อมห้องน้ำ มีอ่างอาบน้ำเข้ามุม มีที่ชั้น 9-29 ชั้นละ 2 ห้อง

3Bedroom มี 2 ขนาด

3BR : C1 106.68 Sq.m. ห้องหน้ากว้าง ได้พื้นที่ living เข้ามุม และห้องนอนทุกห้องติดอากาศ มีชั้นละ 1 ห้อง ที่ชั้น 30-32

และ 3BR : C2 124.18 Sq.m. 3ห้องนอน เน้นพื้นที่ living กว้าง ได้กระจกเข้ามุมและระเบียง 2 ตอน และห้องนอนทุกห้องติดอากาศ มีชั้นละ 1 ห้อง ที่ชั้น 30-32

Capella Penthouse : C3 131.90 Sq.m. 3ห้องนอนติดอากาศ ได้ห้องนอนใหญ่เข้ามุม มี 1 ห้องmaid และห้องครัวแบบไทย และliving area ติดระเบียง มีชั้นละ 1 ห้อง ที่ชั้น 30-32

Capella Penthouse : C4 138.92 Sq.m. แปลนห้องเหมือน Capella Penthouse : C3 แต่แปลนกลับด้านซ้ายขวา และเพิ่มพื้นที่ส่วน living area มากขึ้น มีชั้นละ 1 ห้อง ที่ชั้น 30-32

ห้อง Duplex 3 size คือ Crown Duplex : D1AและD1B 90.01 Sq.m. Duplex  ห้องมุม แบ่งเป็นครัว living area เข้ามุม ห้องน้ำ และห้องนอนเล็กที่ชั้นล่าง และห้องนอนใหญ่เข้ามุมและห้องน้ำที่ชั้นบน มี2ห้อง ที่ชั้น39-40

Crown Duplex : D2 90.63 Sq.m. Duplex ห้องหน้ากว้าง แบ่งเป็นครัว living area ห้องน้ำ และห้องนอนเล็กที่ชั้นล่าง และห้องนอนใหญ่และห้องน้ำที่ชั้นบน มี1ห้อง ที่ชั้น39-40

Crown Duplex : D3A , D3B 101.82 Sq.m. Duplex ห้องใหญ่ แบ่งเป็นครัว living area ห้องน้ำ ห้องนอนเล็ก และmulti-purpose room ที่ชั้นล่าง และห้องนอนใหญ่และห้องน้ำที่ชั้นบน มี2ห้อง ที่ชั้น39-40

Crown Penthouse : PH1 133.68 Sq.m. 3ห้องนอนติดอากาศ ได้ห้องนอนใหญ่เข้ามุม มี 1 ห้องmaid และห้องครัวแบบไทย และliving area เข้ามุม ติดระเบียง มีชั้นละ 1 ห้อง ที่ชั้น 35-38

Crown Penthouse : PH2 137.88 Sq.m. แปลนห้องเหมือน Crown Penthouse : PH1 133.68 Sq.m. แต่กลับด้านซ้ายขวา และมีพื้นที่ที่ห้องlivingเพิ่ม มีชั้นละ 1 ห้อง ที่ชั้น 35-38

ส่วนที่ Sale office ของ CELES asoke ตั้งอยู่ที่โครงการจริง ติดถนนอโศก

มีห้องตัวอย่างให้ชมกัน 2 ห้อง เป็น 1 bedroom 50.59 sq.m. และ 2 bedroom 86.12 sq.m.

ห้องแรก 1 bedroom 50.59 sq.m.

ห้อง 1 bedroom หน้ากว้าง

แบ่งพื้นที่ห้องนอนและห้องlivingเป็นอย่างละครึ่ง

ทุกห้องโครงการฯให้ประตูลายไม้ full height มาพร้อมกับ digital door lock ของ YALE

ในส่วนของ Living Area และห้องนอนมีระบบ Home Automation ที่สามารถเปิดปิดไฟ ปรับแอร์ ผ่าน app ของ Schneider

โครงการมีให้เลือกซื้อทั้งแบบ Fully Fitted และ Fully Furnished โดยจ่ายค่าเฟอร์เพิ่มเข้ามาไม่มากนัก แต่ได้เฟอร์ฯแบบเดียวกับห้องตัวอย่าง

พื้นกับผนังเป็น cotto italia

เมื่อเข้ามาในห้อง จะพบกับพื้นที่ครัวสูง 2.6 m พื้นครัวปูด้วย porcelain สีขาว ที่ด้านซ้ายของห้อง

เชื่อมยาวไปกับพื้นที่ livingสูง 3 m ที่ปูด้วย engineered wood ลายไม้ทอดยาวไปจรดริมระเบียง

หลังประตูทางเข้า ที่ผนังด้านขวา เป็น built-in ตู้วางเครื่องซักผ้าและเก็บของ  สูงจรดเพดาน

ด้านซ้ายเป็น built-in ครัว ยาวเต็มผนังห้อง เป็นรูปตัว U

ถัดเข้าไปเป็นตู้เย็น built-in แยกบานเปิดบนล่าง

ถัดจากตู้เย็น เป็นเคาท์เตอร์ครัว และชั้นวางของบนล่าง เข้ามุม

ที่เคาท์เตอร์ โครงการให้อ่างล้างจานของ teka

Countertop and backsplash เป็น composite stone

ด้านบนเป็นเตาไมโครเวฟแบบฝังของ gorenje by starck

ถัดไปเป็นเตาไฟฟ้า 4 หัว พร้อมที่ดูดควันด้านบน ของ gorenje by starck เช่นกัน

ด้านล่างเป็นชั้นเก็บของ

แบบแยกเก็บอุปกรณ์การใช้งาน

ด้านบนเป็นที่วางอุปกรณ์ทำครัว และที่เก็บของ

ที่ปลายเคาท์เตอร์ทำอาหาร เป็นเคาท์เตอร์บาร์เชื่อมต่อกัน กั้นพื้นที่ครัวและพื้นที่ living

สามารถใช้เป็นที่เตรียมอาหาร และปรับใช้เป็นที่นั่งทานอาหารได้

ถัดจากครัว เป็นพื้นที่ยาวติดริมระเบียงห้อง

โครงการตกแต่งเป็นพื้นที่มุมทำงาน เชื่อมกับพื้นที่นั่งพักผ่อน

ที่มุมห้อง สามารถตั้งโต๊ะทำงาน ตกแต่งเป็นมุมทำงานเล็กๆ สำหรับเคลียร์งาน เปิดเมล์ เช็คตารางงานได้

ติดกัน เป็นพื้นที่ติดริมระเบียง สามารถวางชุดโซฟา สำหรับ2ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง

และชั้นวางทีวี built-in ที่ผนังฝั่งตรงข้าม ติดทางเข้าห้องนอนได้

ที่ระเบียงเป็นระเบียงยาว ประตูกระจกบานเปิดสูงจรดเพดาน

ราวกันตกเป็นกระจก เชื่อมมุมมองจากภายในห้องสู่ภายนอกได้โดยไร้สิ่งกีดขวาง

ด้านขวาของห้องเป็นพื้นที่ห้องนอน

ภายในห้องนอน ด้านขวา เป็น walk-in closet มีบานกระจกปิดสูงจรดเพดาน เชื่อมเข้ามุม สามารถแบ่งเป็นชายหญิง หรือแบ่งประเภทใช้งานได้

ติด walk-in closet เป็นทางเข้าห้องน้ำ

ที่ห้องน้ำแบ่งส่วนเปียก ส่วนแห้ง

โครงการให้ อ่างอาบน้ำ วางติดกระจกเข้ามุม

อ่างอาบน้ำเป็นแบรนด์ Cristina

และเครื่องทำน้ำร้อนของ Steibel

ที่สามารถเปลี่ยนเป็นกระจกทึบแสง เมื่อต้องการใช้งานได้

ติดกัน แบ่งเป็น2ห้อง

มีกระจกบานเปิด แยกสองห้องซ้ายขวา

ห้องแรกเป็น ห้องวางโถสุขภัณฑ์ ของ duravit

ถัดไปเป็น พื้นที่ส่วนเปียก ให้ hand shower และ rain shower พร้อม thermostatของ hansgrohe แบบติดผนัง พร้อมเจาะช่องวางผลิตภัณฑ์อาบน้ำ

ติดกันเป็นอ่างล้างหน้าฝังเคาท์เตอร์ลอยตัว ด้านล่างเป็นชั้นวางของ

ด้านบนเป็นกระจกยาว มีบานเปิดเก็บอุปกรณ์อาบน้ำ

ติดริมหน้าต่างกระจกบานใหญ่ เป็นพื้นที่วางเตียงนอน

สามารถวางเตียง king size พร้อมโต๊ะหัวเตียงได้

ที่ปลายเตียง สามารถวางโต๊ะตัวเล็ก เป็นมุมทำงานและติดทีวีที่ผนังฝั่งนี้ได้

ติดกัน เป็นกระจกเข้ามุม ที่สามารถเปิดมุมมองเชื่อมพื้นที่ระเบียงห้องliving และวิวภายนอก ได้เป็น panorama viewให้คุณได้นอนพักผ่อน และชมวิวยามค่ำคืนของอโศกได้แบบไม่มีเบื่อ

ห้องตัวอย่างที่สอง เป็นห้อง 2Bedroom B2A 86.12 Sq.m. 2ห้องนอน หน้ากว้าง ที่มีห้องนอนพร้อมกระจกบานใหญ่เข้ามุม แบบ Full Panorama Corner Glass

ห้องนี้ แบ่งเป็นพื้นที่ครัว และห้อง living area ที่ด้านซ้ายติดประตูทางเข้า

ในส่วนของ Living Area และ Master Bedroom มีระบบ Home Automation ที่สามารถเปิดปิดไฟ ปรับแอร์ ผ่าน app ของ Schneider

พื้นกับผนังเป็น cotto italia

โดยติดประตูทางเข้าเป็น built-in ชั้นวางรองเท้าและตู้เก็บเครื่องซักผ้า

ถัดไปเป็นครัว built-in เข้ามุมผนังทั้งสองด้าน

โครงการให้เตาไฟฟ้า 4 หัว และชุดครัว gorenje by Starck

ที่ออกแบบมากับที่ดูดควันแบบลาดเอียงและกระจก Full Reflect

อ่างล้างจาน 2 อ่างแบบฝังของ teka

Countertop and backsplash เป็น composite stone

ด้านบนเป็นไมโครเวฟ gorenje by Starck ฝังตู้built-in

เชื่อมยาวเป็นที่เก็บอุปกรณ์ทำครัว

ด้านล่างใต้เตาไฟฟ้า ฝังเตาอบ และชั้นวางของ built-inยาวเต็มจากพื้นถึงtopเคาท์เตอร์

ปลายสุดเคาท์เตอร์เป็นตู้เย็น built-in เก็บฝาตู้เป็นรูปแบบเดียวกับบานตู้เก็บของ

ตรงกลางมี island เป็น bar สำหรับเตรียมอาหาร และสามารถใช้เป็นที่นั่งทานอาหารได้ในบางโอกาส

มาพร้อมกับตู้เก็บของที่ฝั่งเดียวกับชุดครัว

ติดเคาท์เตอร์ที่ผนังฝั่งทางเข้าห้อง มีมุมพื้นที่ที่สามารถตั้งเก้าอี้และโต๊ะเตี้ย ไว้สำหรับนั่งจิบชากาแฟยามเช้าได้

ถัดไปเป็นชั้นวางทีวี built-in สูงเต็มผนัง

ด้านหน้าวางชุดโซฟาสำหรับ2-3ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง

วางไว้ติดริมระเบียงห้อง

ด้านหลังชุดโซฟา มีพื้นที่เหลือพอให้วางโต๊ะทานอาหารสำหรับ4ที่นั่ง ติดผนังฝั่งทางเข้าห้องนอน

ระเบียงห้องยาว ราวกันตกเป็นกระจก สามารถมองเชื่อมจากภายในสู่ภายนอก โดยไม่มีอะไรบดบัง และสามารถเปิดเชื่อมใช้งานพื้นที่ได้

ระหว่างครัวและพื้นที่ living เป็นทางเข้าห้องนอนทั้งสองห้อง

แบ่งเป็นห้องน้ำสำหรับห้องนอนเล็ก และห้อง living ที่ด้านขวา

ภายในห้องน้ำ แบ่งเป็นพื้นที่ส่วนแห้งและเปียก กั้นด้วยกระจกอาบน้ำ

ที่ส่วนแห้งโครงการให้อ่างล้างหน้า duravit ฝังเคาท์เตอร์ลอยตัว

ติดกันเป็นโถสุขภัณฑ์สีขาว duravit

ด้านบนเป็นกระจกยาว มีบานเปิดเก็บอุปกรณ์อาบน้ำ

ส่วนพื้นที่ส่วนเปียก ให้ hand shower และ rain shower ของ hansgrohe แบบติดผนัง พร้อมเจาะช่องวางผลิตภัณฑ์อาบน้ำ

ที่ด้านซ้ายเป็นห้องนอนเล็กติดริมระเบียง

ภายในห้องนอนเล็ก กว้างพอให้ตั้งเตียง queen size แบบมีพื้นที่เหลือพอทั้งด้านข้างและปลายเตียง

ข้างหัวเตียงเป็นทางออกระเบียง

ราวกันตกระเบียงเป็นกระจก สามารถเชื่อมมุมมองได้แบบไม่มีสิ่งบดบัง

ที่ผนังปลายเตียง สามารถติดทีวีแบบแขวนได้

และผนังติดทางเข้าเป็นตู้เสื้อผ้า built-in หน้าบานกระจก

ด้านในสุดของห้อง เป็นทางเข้าห้องนอนใหญ่ ห้องน้ำในตัว

ด้านขวาของทางเข้าเป็น walk-in closet เข้ามุม

ที่ห้องน้ำแบ่งส่วนเปียก ส่วนแห้ง ส่วนแห้ง

โครงการให้อ่างล้างหน้าฝังเคาท์เตอร์ลอยตัว แยก his & her ด้านล่างมีชั้นวางของ

ด้านบนเป็นกระจกยาว มีบานเปิดเก็บอุปกรณ์อาบน้ำ

ติดกันเป็นอ่างอาบน้ำลอยตัว วางติดกระจกเข้ามุม

อ่างอาบน้ำเป็นแบรนด์ Cristina

และเครื่องทำน้ำร้อนของ Steibel

ที่สามารถเปลี่ยนเป็นกระจกทึบแสง เมื่อต้องการใช้งานได้ เพียงแค่กด Switch

ฝั่งตรงข้ามแบ่งเป็น2ห้อง

ห้องแรกเป็นพื้นที่ส่วนเปียก ให้ hand shower และ rain shower พร้อม thermostat ของ hansgrohe แบบติดผนัง พร้อมเจาะช่องวางผลิตภัณฑ์อาบน้ำ

ติดกันเป็นห้องวางโถสุขภัณฑ์ ของ duravit มีกระจกบานเปิด แยกสองห้องซ้ายขวา

ส่วนห้องนอน เป็นกระจกเข้ามุม ที่บริเวณปลายเตียง

สามารถวางชั้นวางทีวีแบบเตี้ยได้

ภายในห้องสามารถวางเตียง king size พร้อมโต๊ะหัวเตียงได้

วัสดุหลักของที่นี่ นอกจากคัดคุณภาพยังเน้นโทนสีน้ำตาลอ่อนและขาว เพื่อให้ดูสงบ เหมาะสำหรับวันพักผ่อนในทุกๆวัน อีกทั้งยังดูเรียบหรูตั้งแต่ภายในห้องจนถึง facility ด้านนอก

ที่ต้อนรับการกลับบ้านในทุกๆวันกับ SANCTUARY GARDEN

ที่รายล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่ กั้นพื้นที่ภายในและภายนอกโครงการ ให้ได้เว้นพื้นที่จากความวุ่นวายภายนอก

และ LOBBY LOUNGE ที่ชั้น GROUND FLOOR แบบเต็มชั้น สูงกว่า 5 เมตร

กับผนังหินอ่อน Honey Onyx จากอิตาลี ให้คุณได้นั่งพัก รับแขก แบบหลากหลายมุม

โดดเด่นด้วยโถงลิฟท์ lobby ที่สูงและกว้าง ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง สบายทุกครั้งที่ใช้งาน

แยกจากพื้นที่ MANAGEMENT CONCIERGE & BUSINESS CENTER ที่ เป็น MEZZANINE ยกขึ้นไปอยู่ที่ชั้น 2 สามารถใช้บันไดเวียน เดินขึ้นไปจาก Lobby แยกพื้นที่ใช้งานอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ที่ชั้น 33 ยังมาพร้อมกับ SKY WATER CLUB ที่มากับวิว 180̊ PANORAMIC LAP POOL

เชื่อมกับ REFLECTIVE SHALLOW POOL, SKY EDGE SOCIAL JACUZZI, JACUZZI TWIN BEDS, PERSONAL JACUZZI, HYDRO JET SEATS, FLOATING LOUNGERS, POOL PAVILIONS ที่ออกแบบให้มีมุมใช้งาน ให้เลือกพักผ่อนอย่างหลากหลาย

มีห้อง WET SPA (SEPARATE FOR MALE & FEMALE) INCLUDING STEAM / SAUNA, EXPERIENTIAL SHOWER, WATER JET MASSAGE

ห้องสปาแรงดันน้ำ ให้คุณได้นวดตัวไปกับสายน้ำ และผ่อนคลายไปกับวิวโดยรอบ

และยังมีห้อง PERSONALIZED SERVICE ROOM ที่ให้คุณได้ใช้งานอย่างส่วนตัว ในกรณีที่ต้องการเรียกช่างแต่งหน้า ทำผมมาใช้งานเวลาไปงานปาร์ตี้

ขึ้นไปที่ ชั้น 34 เป็นชั้น FITNESS CLUB ที่โอบล้อมด้วยวิวเมือง

มีทั้งมุม CARDIO & SPIN, WEIGHTS, BOXING ให้ได้เลือกใช้งานตามความต้องการ

มีห้อง VIRTUAL FITNESS ให้ได้เลือกใช้งานผ่านระบบหน้าจอ รองรับการใช้งานได้หลายหลายกิจกรรมและหลายคน

อีกทั้งยังมาพร้อมกับ CELES RESIDENTIAL CLUB-SKYLINE GALLERY, READING CORNER

PRIVATE DINING & MEETING ROOM ที่ให้คุณได้จับจองใช้งาน สังสรรค์ท่ามกลางวิวเมืองที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละค่ำคืน

THE CELESTIAL TERRACE ที่ชั้น 35 และ ALFRESCO ROOFTOP – OBSERVATORY, SKY DINING, HORIZON BBQ, 360̊ SKY LOUNGE

ที่ชั้น rooftop ให้คุณได้สูดอากาศ นอนชมดาว และปาร์ตี้กับวิว 360 องศา ที่ชั้นบนสุดของคอนโด

เชื่อแน่ว่าหากใครก็ตามที่ไม่ได้อยู่ในวงการอสังหาฯมาก่อน ก็คงจะรู้สึกตกใจ และแปลกใจไม่น้อยที่เห็นที่แปลงสวยงามบนทำเลแยกอโศก-สุขุมวิท แห่งนี้เป็นของดีเวลลอปเปอร์ที่ชื่อ Lucky Living แทนที่จะเป็นของรายใหญ่อื่นๆดังเช่นที่หลายๆคนได้มีการคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้านั้น และจะยิ่งแปลกใจยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ Lucky Living ทำอย่างไรถึงได้ตั้งราคาขายเพียงแค่เฉลี่ยตรม.ละ 255,000 บาทต่อตรม. ทั้งๆที่ราคาขายที่ดินแปลงนี้ก็น่าจะเป็นราคาขายที่ดินที่สูงที่สุดในประเทศไทยติด 1 ใน 10 อันดับแรกแน่นอน

ที่สำคัญก็คือโครงการ CELES Asoke ล้วนแต่ดู Craft ขึ้นมาโดยทีมงานระดับโลกที่มาร่วมเป็นพันธมิตรในการพัฒนาโครงการ ไม่ว่าจะเป็นบริษัท สถาปนิก 49 จำกัด ที่รับผิดชอบเรื่องงานออกแบบสถาปัตยกรรม บริษัท ฉมา จำกัด รับผิดชอบเรื่อง Landscape และ Design Worldwide Partnership หรือ DWP ที่รับผิดชอบเรื่องงาน Interior Design ให้ทุกองค์ประกอบเต็มไปด้วยความหรูหรา สมกับที่นิยามตัวเองว่าเป็น Purified Sophisticate…เมื่อเป็นแบบนี้แล้วก็พาลให้นึกไปถึงโครงการใกล้เคียงที่ตอนนี้การเปิดตึกให้เจ้าของร่วมได้เข้าชมเพื่อตัดสินใจว่าจะรีบโอนภายในปีนี้ดีไหม เนื่องจากราคาขายรีเซลของห้อง ณ ปัจจุบัน ที่ถูกซื้อขายเปลี่ยนมือมา 3-4 ครั้งแล้ว ล้วนมีส่วนทำให้ราคาเฉลี่ยของตึกมันพุ่งทะลุเกินกว่าตรม.ละ 260,000 บาท โดยที่มีหลายๆฝ่ายมองว่าสเปคของที่ได้รับนั้นดูไม่ค่อยจะสมราคาเท่าไหร่ (แต่กรณีที่คนซื้อมามือแรกก็ถือว่าค่อนข้างคุ้ม เพราะลำพังแค่ค่าทำเลบนแยกอโศก-สุขุมวิท ก็ต้องแปะป้ายขายเริ่มต้นที่ตรม.ละสองแสนกว่าขึ้นไปอยู่แล้ว)

และด้วยการที่มีตัวเปรียบเทียบในราคาที่พอๆกัน ในขณะที่ตัวนึงมีสเปคดีกว่าเห็นๆ แต่ก็ต้องแลกกับห้องที่มีขนาดใหญ่กว่า ก็ต้องบอกว่าจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คอนโด CELES Asoke จะถูกใจขาช้อปคอนโดในกลุ่มตลาด Luxury จนยอดขายปาเข้าไปเกือบ 85% แล้วในตอนนี้!!

สิ่งที่คุณอลิวัสสา  พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี บี อาร์ อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวไว้ในงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องที่ exaggerate เกินไปที่ว่า “ราคาขาย ตอบโจทย์นักลงทุนคอนโดหรู สะท้อนราคาจริงของตลาดคอนโดหรูย่าน CBD อโศก-สุขุมวิทของกรุงเทพฯ CELES  Asoke เปิดราคาขายเฉลี่ย 255,000 บาทต่อตารางเมตร  ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดหรูระดับเดียวกัน บนทำเล super prime location ที่เปิดตัวใหม่จะอยู่ในระดับ สองแสนปลายถึงสามแสนกลาง การตั้งราคาของ CELES Asoke ทำให้นักลงทุนมีส่วนต่างในการทำกำไรเมื่อเทียบกับราคาตลาดปัจจุบันในสินค้าระดับเดียวกัน และการปล่อยเช่าก็จะได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า นอกจากนี้ยังมียูนิตเพียง 217 ยูนิตเท่านั้น การแข่งขันในการปล่อยเช่าหรือขายต่อจะไม่สูงเหมือนโครงการที่มียูนิตจำนวนมาก”…ซึ่งสำหรับผมนั้นมองว่านี่คือการเทกำไรให้ผู้ซื้อ เพื่อซื้อใจฐานลูกค้าใหม่ๆที่ยังไม่ค่อยจะไว้ใจในการพัฒนาโครงการในสเกลนี้ของทาง Lucky Living มากนัก และผลลัพธ์ที่ได้ก็คุ้มเกินคาด!!!

เป็นการจัดหนัก จัดเต็ม ทั้งทำเล ห้องพัก และ facility ที่เรียกว่าเปิดตัวมาจนทุกคนต้องจับตามอง และยังสร้างสีสันด้านราคาให้กับคอนโดในย่านนี้ บนทำเล prime of the prime ที่พร้อมปลุกคุณให้ตื่นในทุกๆเช้าที่ใจกลางแยกอโศก และผ่อนคลายไปกับวิวเมืองโดยรอบ กับคอนโดแห่งนี้ CELES Asoke

ผู้สนใจสามารถนัดเยี่ยมชมห้องตัวอย่างจัดเต็มความลักซ์ชัวรีพร้อมรับสิทธิโปรโมชั่นพิเศษเฟอร์นิเจอร์หรูตกแต่งครบชุด ที่ The Celestial Gallery สำนักงานขายโครงการ บริเวณที่ตั้งโครงการสี่แยกอโศก-สุขุมวิท โอกาสเดียวที่จะพลาดไม่ได้อีกแล้ว  ลงทะเบียนทันที www.celesasoke.com  สอบถามเพิ่มเติมโทร. 02 259 4444