SALADAENG ONE… THE ONE THAT MATTERS

เกริก บุณยโยธิน 21 April, 2015 at 19.26 pm

ประกาศที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา


ในช่วงชีวิตของเรา ย่อมต้องมีโอกาสได้พบปะผู้คนมากหน้าหลายตา แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไป กลับมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ที่เรายังคงจดจำภาพเวลาดีๆที่มีอยู่กับเค้าเสมอ…หากเปรียบ Saladaeng One ให้มีชีวิต เค้าก็จะเป็นคนพิเศษเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่เราใส่ใจ และจะต้องหวนนึกถึงอยู่เสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม” นี่คือคำกล่าวของบุคคลผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์โครงการที่ทาง SC Asset หมายมั่นปั้นมือว่าจะสร้างมาตรฐานที่แท้จริงให้กับกลุ่มตลาดคอนโดระดับ Ultra Luxury ในเมืองไทยให้ได้ หลังจากที่เคยทำมาได้แล้วกับกลุ่มตลาดบ้านเดี่ยวอย่างแบรนด์ Granada และ Grand Bangkok Boulevard…..ครับ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้รับเกียรติเป็นอย่างสูงที่ได้รับเชิญให้เข้าไปสัมผัสถึง Luxury living experience ในแบบฉบับของ SC Asset ที่ Sale Gallery ของโครงการที่ยังไงก็น่าจะติดโผ 1 ใน 5 ของโครงการคอนโดระดับ Ultra Luxury ที่กำลังจะ Line up เปิดตัวในปีนี้อย่าง Saladaeng One ครับ

 

 

IMG_7424

 

ตลอดช่วงระยะเวลาเพียงแค่ข้ามปีภายใต้การนำทีมของ CEO คลื่นลูกใหม่อย่างคุณณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ทาง SC Asset ได้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางในการพัฒนาองค์กรและผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะแผนยุทธศาสตร์ในด้านการลงทุน ที่พร้อมจะรุกเข้าไปยังตลาด เซกเมนต์ระดับราคาใหม่ๆ ที่บริษัทยังไม่เคยเข้าไป…และนั้นคือที่มาของการทำโครงการที่มี Brand Hierarchy เหนือกว่าทุกแบรนด์คอนโดที่เคยทำมาในอดีตอย่าง Saladaeng One ครับ (เหนือกว่าในที่นี้ไม่ได้เจาะจงเฉพาะแค่ราคาที่เหนือกว่า กับทำเลที่ดีกว่านะครับ แต่ทางทีมผู้สร้างบอกว่าคนที่อยู่ที่นี่จะได้สัมผัสถึงประสบการณ์การอยู่อาศัยในแบบ Hi end ของจริงครับ)

 

IMG_7432

 

 

IMG_7434

 

….แน่นอนครับว่า definition ของคำว่า luxury มันช่างแตกต่างกันยิ่งนักในความคิดของแต่ละคนหรือแต่ละ developer ครับ…concept ของ luxury สำหรับบางเจ้าอาจจะเป็นการยัดเอา furniture brand name ระดับ world class เข้าไปในห้อง มี private lift หรืออาจจะเป็นในแง่ของการ design ตึกที่เน้นวัสดุที่มีราคาแพง มีที่จอดรถ supercars เทคโนโลยีอันทันสมัย ตลอดจน extraordinary service ในแบบที่คุณไม่อาจหาได้ใน คอนโดระดับปกติทั่วไป >>> แต่ concept ของ luxury แบบนี้คุณจะไม่สามารถพบเจอได้เลยที่นี่ครับ!!!!

ตลอดเวลา 4 ชั่วโมงกว่าๆที่ผมได้นั่งเก็บรายละเอียดของโครงการ Saladaeng One ทำให้ผมได้เห็นว่านิยามของ luxury ที่นี่ คือการหลอมรวมที่สุดของความปราณีต ในด้าน practical living function ผสานกับมนต์เสน่ห์ของ timeless design ที่น่าจะจับใจเหล่า millionaire ผู้พิศมัยในความสมบูรณ์แบบ ไม่ใช่น้อยครับ!! ส่วนตัวผมคิดว่ามันก็ เหมือนกับนาฬิกาที่มาจาก Swiss น่ะครับ ที่มักจะมีราคาแพงกว่านาฬิกาจากประเทศอื่นๆเป็น 100 ๆเท่า ทั้งๆที่มันก็บอกเวลาได้เหมือนกัน..และสาเหตุที่มันมีราคาแพงแต่คนก็ยังนิยมซื้อกัน นั่นก็เพราะนาฬิกา Swiss นั้น ไม่ได้ทำหน้าที่แค่บอกเวลาครับ แต่มันถูกสร้างสรรค์ในแบบ tailored made สวยงามมีศิลปะ จากช่างท้องถิ่นที่ละเอียดอ่อน มีความเป็น timeless มีเสน่ห์ในแบบที่ยากจะประเมินมูลค่า จนกลายเป็นของสะสมที่จะทวีมูลค่าขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านพ้นไปครับ

งานศิลปะภาพพิมพิ์ที่ทำออกมาเป็น serie เพื่อสื่อถึงความเป็น The special one และความปราณีตในการออกแบบ

 

 

IMG_7437

 

IMG_7438

 

IMG_7439

 

IMG_7440

 

IMG_7441

 

IMG_7442

 

ทางทีมผู้ออกแบบ Saladaeng One ให้ความสำคัญกับ Space Planning มากเป็นพิเศษครับ ซึ่งเป็นการจัดวางพื้นที่ในแบบ inside out ที่มีแนวคิดหลักคือคนส่วนใหญ่แล้วใช้ชีวิตอยู่คอนโดในแบบ indoor mode มากกว่า outdoor mode แต่ที่ Saladaeng One จะเน้นการออกแบบที่เชื่อมโยงทุกมิติของการอยู่ indoor และ outdoor เข้าไว้ด้วยกัน โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องก้าวออกไปข้างนอกเลยแม้แต่นิดเดียว!!!! ดังนั้นคุณจะเห็น in-room function ประเภท ห้องนั่งเล่นที่มีหน้ากว้างมากๆถึง 7.85 เมตร ใน Mode หลักของ 2 ห้องนอน/ Horizontal Facade Element ที่ทำหน้าที่เป็นชายคากันแดดและฝน/ indirect lighting ที่ระเบียง /bay window ทำมุมพิเศษในห้องนอนที่ให้คุณสามารถไปนั่งบนขอบหน้าต่างมองวิวได้/ หรือกระจก Full Height สูง 3 เมตรที่สามารถเลื่อนเปิดได้ 2 ทางซ้ายขวา (บางยูนิต) เป็นต้น

 

IMG_7588

 

IMG_7464

 

IMG_7463

 

Design ตึกที่ไม่ได้ตามกระแส

 

ในขณะที่ developer หลายๆเจ้าเริ่มที่จะเดินตามรอยเจ้าพ่อ skyscraper อย่างสิงค์โปร์ ในด้านการออก แบบอาคารสูงที่เน้นเส้นสายแนวตั้ง แต่โครงการ Saladaeng One กลับเลือกที่จะใช้สถาปัตยกรรมในแนวทาง Modern Contemporary ที่คง concept Timeless beauty in stillness เมื่อมองดูแล้วก็จะเห็นถึงความสง่างาม หรูหรา อยู่เหนือกาลเวลา ด้วย Podium ที่เป็นหินอ่อนสีขาวและดำมา interlock กัน…เลือกใช้ facade treatment ด้วย Horizontal slab เปรียบเสมือนชั้นหินที่เรียงตัวสลับ หนาบาง ก่อขึ้นไปเป็นชั้นๆ (วัสดุเป็น aluminium composite ลายหินอ่อนครับ) ซึ่งเมื่อนำมาผสานกับกระจกแผ่นใหญ่ของแต่ละห้องแล้ว ทำให้เมื่อแสงแดดตกกระทบลงบนอาคาร ก็จะเกิด reflection ของแสงที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลาครับ…(แต่ผมว่าข้อด้อยที่ทำให้หลายๆคนอาจจะเก็บไปนึกก็คือ model ที่ตั้งอยู่มันดูไม่สวย ไม่ช่วยสร้างจินตนาการเลยครับ เทียบกับภาพ perspective ที่มี detail ละเอียดกว่าเยอะไม่ได้เลยครับ เห็นว่ากำลังจะเปลี่ยนอันใหม่มาใช้ตอนเปิดตัวจริงครับ)

 

DSC_2767

 

DSC_2768

 

DSC_2769

 

IMG_7427

 

IMG_7428

 

Detailed Luxury

 

อย่างที่ผมบอกไปในตอนต้นครับ ว่าความเป็น luxury ที่นี่จะเน้นในส่วนของความละเอียดอ่อนในการออกแบบ การเลือกใช้วัสดุ และการจัดวาง space planning ที่เรียกได้ว่าถูก customized ขึ้นเพื่อสร้างimmersive experience ให้คนที่อยู่อาศัยได้รู้สึกถึงการเชื่อมต่อกันระหว่าง indoor mode และ outdoor mode (ที่ห้องกว่าครึ่งตึกเห็นวิวสวนลุมแบบเต็มๆ) ได้อย่างลงตัวไม่ว่าคุณจะอยู่ ณ จุดไหนในห้อง หรือแม้กระทั่งหน้าห้องครับ ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง

 

Double Atrium เปิดโล่งตั้งแต่ชั้น 6 –24

 

รูปแบบของ single loaded corridor ที่โครงการ Saladaeng One จะแตกต่างจากโครงการอื่นครับ กล่าวคือ ปล่อง void ที่เป็น Atrium นั้นจะไม่ได้เป็นวงกลมกลางตึก และมี core lift อยู่ตรงกลางครับ ในทางกลับกันจะเป็น double atrium มีทางเดินคล้ายๆกับรูปตัว S มี Core Lift อยู่ที่ด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นมุมที่โดนแดดเยอะที่สุดของตึก โดยที่ห้องที่อยู่ทางด้านทิศตะวันออกและทิศเหนือตั้งแต่ชั้น 6 -24 จะต้องเดินข้ามทางเดินระหว่าง Atrium เพื่อเข้าห้องตัวเอง ทำให้เป็น single loaded corridor ที่มี privacy ค่อนข้างสูง นอกจากนี้ในเรื่อง Natural Ventilation ที่นี่ใจดีให้หน้าต่างระบายอากาศมากถึง 4 จุดต่อ 1 ชั้น..แหม่ช่างเหมาะกับสภาพอากาศในกทม.จริงๆครับ (ปล. เป็น double atrium ตั้งแต่ชัน 6 – 19 โดยชั้น 20 – 24 เป็น single atrium และชั้น 25 – 33 ไม่มี atrium ตามระยะ set back ของตัวตึก)

 

DSC_2835

 

นอกจากนี้ทางเข้าประตูยังทำเป็นหลีบหลบเข้าไปไม่ให้เห็นวงกบประตูยื่นมาให้เกะกะสายตาด้วยครับ

 

IMG_7443

 

จะเห็นว่า space ก่อนเข้าห้องที่ลึกมากจริงๆครับ เดินเข้าไปหลบแบบที่คนมองไม่เห็นได้

 

IMG_7531

 

ห้อง Living room หน้ากว้างถึง 7.85 เมตร

ไม่ว่าจะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนจนถึง Penthouse ที่นี่ก็ล้วนแต่มีจุดเด่นในเรื่องความกว้างของห้องครับ หากเป็นห้อง 1 นอนขนาด 55 ตารางเมตรก็จะกว้าง 8.10 เมตร ตั้งแต่ห้องนั่งเล่นถึงห้องนอน ยิ่งรวมกับกระจก Full height แล้วมันก็ทำให้รู้สึกเหมือนกับอยู่ในห้องที่มีขนาดใหญ่กว่า 55 ตารางเมตรจริงๆครับ

 

IMG_7585

 

IMG_7458

 

ห้อง 2 ห้องนอนของที่นี่จะมี hi light ก็คือมีหน้ากว้างของห้องนั่งเล่นถึง 7.85 เมตร และมีกระจก Full height สูง 3 เมตร ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะอยู่แนวทิศตะวันออก take view สวนลุมฯยาวตั้งแต่ห้องนั่งเล่น ยันห้องนอนทั้ง 2 ห้องไปเลยครับ…สำหรับห้องตัวอย่าง จะเป็นห้อง สองนอนแบบ 2A-1 ที่มีแค่ 4 ห้องเท่านั้นตั้งแต่ชั้น 21-24 ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งพื้นที่ระเบียงห้องนั่งเล่นก็ยังกว้างถึง 6.4 เมตรครับ

 

DSC_2836

 

IMG_7452

 

Lighting system

ที่นี่จะค่อนข้างเน้นระบบ lighting นะครับ โดยเท่าที่สังเกตดูจะเป็นระบบ lighting ที่ผสมกันระหว่าง indirect lighting และไฟดาวน์ไลท์ ที่มีระบบ dimmer ควบคุม scheme ของ lighting ได้ 4 ระดับ พร้อม remote ของ Schneider ครับ (มี indirect light บางจุดที่ไม่ได้แถมมากับตัวห้องนะครับ เอาไว้ไปถามกับพนักงาน ขายเพื่อความชัวร์จะดีกว่าครับ ^^)

 

IMG_7449

 

ไฟดาวน์ไลท์ปรับองศาหันเข้าหัวเตียง

 

IMG_7505

 

ระเบียงที่ไม่มีโคมไฟที่เพดานหรือผนัง แต่เป็น indirect light ที่ใต้ราวกระจก

 

IMG_7466

 

Extra Fully Fitted 

Saladaeng One ขายแบบเป็น fully fitted ครับ โดยไม่ได้ให้เฟอร์นิเจอร์ที่ลอยตัว เช่น โต๊ะ เตียง เก้าอี้ โซฟา ชั้นวาง TV ผนังเป็นฉาบเรียบสีขาวเฉยๆ ฯลฯ แต่สิ่งที่ได้นั้นผมว่าก็ค่อนข้างเหนือกว่า fully fitted ที่อื่นนะครับ เพราะเฟอร์นิเจอร์ที่โครงการให้เป็น build in แบบเก็บของได้เยอะมากๆครับ ไม่ว่าจะเป็นตู้เก็บของ เก็บรองเท้าหน้าห้อง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง อุปกรณ์ครัวครบเซ็ต เครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้า ห้องน้ำและอุปกรณ์อาบน้ำตามแบบห้องตัวอย่างเป๊ะ

ห้องตัวอย่าง 2 ห้องนอน Type 2A-1 ขนาด 116.55 ตารางเมตร

 

IMG_7529

 

ประตูทางเข้า เปิดเข้าไปมีตู้เก็บรองเท้าและสารพัดสิ่ง พร้อมที่แขวนร่ม ใหญ่และเนี้ยบมากครับ

 

DSC_2780

 

IMG_7444

 

IMG_7445

 

IMG_7446

 

ห้องนั่งเล่น

 

IMG_7452

 

IMG_7456

 

มีการคุม theme สีของห้องได้ดี เน้น earthtone ใช้วัสดุไม้สลับกับวงกบประตูที่เป็นอลูมิเนียมอบสีน้ำตาล

 

IMG_7469

 

IMG_7471

 

Grill air design แบบ seamless และทำสีให้กลมกลืนไปกับฝ้า

 

IMG_7460

 

IMG_7597

 

ห้องครัว

 

IMG_7475

 

ตู้เย็นของ Siemens

 

IMG_7482

 

IMG_7484

 

เครื่องซักผ้าพร้อมเครื่องอบผ้า อันนี้ก็ให้นะ

 

IMG_7602

 

IMG_7601

 

เตาอบ 2 ระบบของ Siemens

 

IMG_7477

 

Sink ของ Teka

 

IMG_7476

 

ตู้เป็น soft close หมดนะครับ และชิดเพดาน

 

IMG_7478

 

เตา induction และที่ดูดควันของ Kuppersbusch แบรนด์ระดับโลกจากเยอรมัน

 

IMG_7479

 

IMG_7577

 

ห้องน้ำ

โถสุขภัณฑ์ของ TOTO แบบ wall hang ง่ายต่อการทำความสะอาด

 

IMG_7487

 

IMG_7488

 

สำหรับห้อง Master bathroom จะเป็นแบบ automatic washlet ครับ

 

IMG_7516

 

IMG_7518

 

IMG_7528

 

กระจกกั้นห้องอาบน้ำนี่เค้าไม่ได้ใช้แบบสำเร็จรูปนะครับ คุม theme น้ำตาลทองเมทาลิคแบบเดียวกับวงกบประตูครับ

ระบบน้ำร้อนใช้ boiler ครับ โดยเครื่องจะซ่อนอยู่บนฝ้า ฝักบัว Grohe พร้อม rain shower ระบบ thermostat ควบคุมอุณหภูมิได้อย่างคงที่

 

IMG_7522

อ่างอาบน้ำ (น่าเสียดายที่ไม่ได้ให้ Jacuzzi) ทำที่นั่งตรงขอบมาให้ด้วยครับ

 

IMG_7524

 

drain ระบายน้ำในห้องอาบน้ำเป็นแบบเซาะร่องครับ

 

DSC_2806

 

DSC_2807

 

ห้องนอน

ให้รางผ้าม่าน พร้อม drop ฝ้าให้ครับ แต่ไม่ได้ให้ผ้าม่านนะ

 

IMG_7495

 

ห้องนอนวางเตียง 6 ฟุตได้ทุกห้อง และยังมีที่เหลือเฟือจริงๆ

 

IMG_7504

 

อันนี้สำคัญครับ ขอบบัวที่นี่เป็นแบบฝังเข้าในผนังครับ ดังนั้นคนที่ซื้อเฟอร์ฯลอยตัวมาจะไม่มีปัญหาเลยครับในการดันเฟอร์ให้เข้าไปชิดกับขอบกำแพง

 

DSC_2816

 

DSC_2817

 

ขอบหน้าต่างห้องนอนทำมุมพิเศษให้นั่งได้ เหมือนกับลอยดูวิวในอากาศ มีชายคา aluminum composite ลายหินอ่อนเป็น facade รอบตึก

 

IMG_7544

 

Sprinkler เป็นแบบ pop up ซึ่งก็เป็นมาตรฐานของคอนโด ultra luxury ที่ต้องมีนะ ไม่งั้นมองไปเห็นท่อแล้วเสียสายตา ><

 

IMG_7562

 

แอร์ของห้องสองนอนจะเป็นแบบ VRV Inverter ครับ ใช้ condensing unit เดียว ควบคุมอุณหภูมิได้ดีกว่าและประหยัดไฟกว่าครับ

 

IMG_7467

 

IMG_7468

 

ห้องตัวอย่าง 1 ห้องนอน Type 1A-1 ขนาด 55.49 ตารางเมตร

 

IMG_7530

 

IMG_7585

 

IMG_7590

 

IMG_7591

 

 

IMG_7593

 

IMG_7594

 

ชุดครัวก็ยังคงเป็นรูปตัว U เช่นกัน

 

IMG_7578

 

ตู้ซ่อนทั้งเครื่องซัก/อบผ้า และตู้เย็น build in

 

IMG_7533

 

 

IMG_7535

 

IMG_7536

 

IMG_7575

 

ประตูห้องนอนสูง 2.70 เมตร เกือบจรดฝ้า

 

IMG_7573

 

มี switch ควบคุมไฟที่หัวเตียงด้วยนะ ไม่ต้องเดินไปปิดที่หน้าประตู

 

IMG_7543

 

IMG_7547

 

IMG_7554

 

สรุปเลยละกัน

ผมว่ามีหลายคนนะครับ โดยเฉพาะคนที่มีอายุระดับ 40+ ขึ้นไป ที่ค่อนขอดว่า Saladaeng One นั้นไม่ใช่ศาลาแดง เพราะทำเลศาลาแดงที่แท้จริงนั้นต้องอยู่ฝั่งถนนสีลม ไม่ใช่ถนนพระรามสี่!!! มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาเหล่านั้นจะคิดแบบนั้น เพราะว่าคอนโดรุ่นเก่าๆ ยุคบุกเบิก มักจะอยู่ในซอยศาลาแดงฝั่งที่ค่อนไปทางสีลม หรือสาทร ไม่ว่าจะเป็น Silom Grand Terrace/ Silom Terrace/ Silom Condominium/ The Royal Saladaeng/ Saladaeng Residences หรือ The Legend Saladaeng…แต่ในความเป็นจริงแล้ว ที่มั่นของโครงการ Saladaeng One ที่แหละ ที่ผมมองว่ามันคือทำเลที่ดีที่สุดของถนนศาลาแดงครับ เนื่องจากวิวส่วนใหญ่ของโครงการนั้นเปิดรับสวนลุมพินีในแบบเต็มๆ แถมการเข้าออกนั้นก็อยู่ใกล้ถนนใหญ่พระรามสี่ที่สุด โดยที่ยังคงสามารถเลือกใช้เส้นทางทั้งจากสาทร และสีลมได้ เช่นเดียวกับทุกๆโครงการในซอยศาลาแดง สามารถเดินได้จากสถานีรถไฟฟ้า MRT ได้ถึง 2 สถานี คือลุมพินี และสีลม (interchange กับ BTS ศาลาแดง) แต่ช่างเหอะ เพราะจะมีสักกี่คนกันที่อยู่โครงการนี้แล้วใช้การเดินทางหลักโดยรถไฟฟ้า!!! ที่จอดรถก็ยังจัดมาให้ถึง 191 คันจากจำนวนยูนิตทั้งหมด 187 ยูนิต (185 + 2 Pool Villas)

 

SALADAENG-ONE-MAP

 

สิ่งที่น่าคิดก็คือทำเลนี้ถือเป็นทำเลที่ intersect กัน ของ 3 ทำเล CBD ทั้ง central lumpini, Silom, Sathorn ที่ไม่ว่าจะมี research ครั้งไหนออกมา ก็ยังคงเป็นทำเลที่ฮอตติดอันดับตลอดกาลทั้งตลาดขายและตลาดเช่า ที่สำคัญก็คือคอนโดที่ตั้งอยู่ในทำเลที่มองเห็นสวนลุมพินีมักจะขายได้ราคาที่แพงกว่าปกติทั่วไปครับ ดูอย่าง 185 ราชดำริ, Nimit หลังสวน, The Sukhothai Residences หรือแม้กระทั่ง Ashton Chula Silom ที่แอบเนียนมากับเค้าด้วย

ในแง่ของวิว นอกเหนือจากวิวฝั่งสวนลุมฯที่คงไม่ต้องบรรยายถึงสรรพคุณ ก็ยังมีวิวที่ผมว่าสวยเช่นกันสำหรับชั้นสูงๆ นั่นก็คือฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่จะได้เสพย์วิวสวนสวยๆของสถานฑูตเยอรมัน และยาวไปถึงคลองบางกระเจ้าครับ (ชั้น 6-15 มีห้อง size เล็กสุดขนาด 49 ตรม.ด้วยนะจ๊ะ) และหากใครชื่นชอบในหมู่ตึก skyscarper แถวสีลม-สาทร และอยากได้ห้องที่ราคาเริ่มต้นต่อตรม.ถูกลงมาหน่อยแต่อยู่ใน lifestyle เดียวกัน ก็คงต้องเลือกไปทางทิศตะวันตก

 

IMG_7623

 

IMG_7631

 

IMG_7635

 

ในบรรดา 185 ยูนิต มียูนิตที่เป็น 1 นอนขนาด 49 -57 ตรม. ซะเป็นส่วนใหญ่ครับ (131 ห้อง) เน้นกลุ่ม Young Millionaire ที่รักสันโดด 555….รูปแบบของห้องที่นี่ดูเหมือนจะไม่เยอะ แต่ก็มีห้องหลาย type ที่เป็น rare items มีเพียงไม่กี่ห้องในตึกครับ ไม่ว่าจะเป็น Duplex Penthouse ยูนิตเดียวที่ชั้น 32-33 และ Simplex Penthouse ทั้ง Floor ที่ชั้น 29 โดยเป็นชั้นเดียวที่มีความสูงถึง 3.20 เมตร หรือถ้าใครที่ชอบความแตกต่าง และมีเงินเหลือเฟือที่นี่ก็มี Pool Villa ที่เป็นตึกแยกออกมา 3 ชั้น จำนวน 2 ยูนิต…นับว่าเป็น Pool Villa บ้านเดี่ยวใหม่ล่าสุด ที่อยู่ในทำเลที่เป็น real inner CBD อย่างแท้จริงหาใดเปรียบ!!!

มีอะไรที่เป็นข้อด้อยบ้าง?

ที่ผมเห็นชัดเจนคือในเรื่อง landscape ครับ…ตอนนี้ก็แอบหวังว่าทางทีมงาน SC Asset กำลังพยายามที่จะพัฒนาในส่วนของ landscape อยู่ครับ จริงอยู่ที่ด้วยเนื้อที่เพียงแค่ไร่กว่าๆนั้น อาจจะไม่สามารถสร้างสรรค์ landscape ในแบบอลังการงานสร้างได้ แต่ถ้าดูใน space แล้วก็พบว่ามีหลายจุดทีเดียวครับ ที่ทางโครงการน่าจะทำออกมาได้สวย (ถ้าจะทำนะ) ยกตัวอย่างเช่น landscaped sky terrace ที่กระจายอยู่ที่ชั้น 16,21 และ 25 หรือบริเวณส่วนของ outdoor lobby เรื่อยไปจนถึงบริเวณทางเดินที่เชื่อมระหว่าง Tower และ Pool Villa

ส่วนที่เหลือก็จะเป็นของเล็กๆน้อยๆ fringe benefits ที่ให้มาแล้วก็จะดูคุ้มค่ากว่านี้หน่อย แต่ถ้าไม่ให้ก้ไม่เป็นไรซื้อเองได้ ไม่ว่าจะเป็น digital door lock/ ระบบ home automation/ อ่างอาบน้ำแบบ Jacuzzi/ ระบบผ้าม่านไฟฟ้า และก็น่าจะให้หินอ่อนสีขาวมาประดับผนังห้องมากกว่านี้น่ะครับ ><

แล้วใครเล่าที่คู่ควรที่จะซื้อที่นี่?

สำหรับคอนโดใน segment ultra luxury นั้น ไม่ว่าราคาจะแพงขนาดไหนก้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับกลุ่มคนที่เงินพอซื้อครับ อยู่ที่ว่า Saladaeng One จะเนรมิตรผลงาน และสื่อสารออกมาได้จับใจกลุ่มคนเหล่านี้ได้หรือเปล่าแค่นั้นเองครับ… ณ วันที่ผมเขียนบทความนี้ ผมก็ยังไม่ได้มีโอกาสเห็นชิ้นงานโฆษณาครับ ว่าเป็นแนวทางอย่างไร แต่สิ่งที่ผมสัมผัสได้จาก sale gallery และคำพูดที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาของทีมงาน ในการบอกเล่าถึงวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจจะให้ Saladaeng One เป็นโครงการที่จะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ รวมถึงการเปลี่ยนกรอบความคิดของกลุ่มผู้บริโภคในตลาด ultra luxury ขึ้นในเมืองไทยให้ได้….ก็เชื่อเป็นอย่างยิ่งครับว่าทาง Saladaeng One มาถูกทางแล้วครับ…ส่วนตัวแล้ว ผมได้มีโอกาสได้รู้จักกับกลุ่มนักซื้อคอนโดที่ชอบซื้อเฉพาะโครงการ Hi end หลายคนครับ ซึ่งกลุ่มคนเหล่านี้มีนิสัยเดียวกันครับ คือชอบสะสมของเป็น collection ครับ ไม่ว่าจะแพงแค่ไหน แต่ถ้าชอบ และเห็นว่าดีจริงก็จะซื้อโดยไม่คำนึงถึงราคา เชื่อไหมครับ บางคนซื้อทีเป็น 10 ห้องใน 1 โครงการ และโอนเก็บเอาไว้โดยที่ไม่แม้แต่จะปล่อยเช่าครับเหมือนกับการสะสมรถ supercars หรืองานศิลปะอะไรแบบนั้น ซึ่งผมก็คิดว่า Saladaeng One ก็น่าจะเป็นหนึ่งในของสะสม ที่หากนักสะสมเหล่านั้นไม่ได้ซื้อไว้ ก็จะเหมือนกับขาดอะไรไปบางอย่าง ครับ…ก็เค้าถึงตั้งสโลแกนว่า The one that matters ไงล่ะคุณ…

ปล. เท่าที่ทราบมาหลังจากเปิด soft launch บางส่วนไป (75 ยูนิต) เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Saladaeng One ขายได้แล้ว 42 ยูนิต มูลค่าขาย 850 ล้านบาท โดยจะเปิดขายเป็นทางการ พ.ค.58 ครับ…ตอนนี้หากใครอยากได้ก็ต้องแจ้งความจำนงค์มา แล้วก็นัดมาดูห้องเป็น by appointment นะครับ

ใครดูแล้วสนใจก็เตรียมเงินตามนี้นะครับ จอง 150,000 – 300,000 บาท ทำสัญญา 500,000 – 1,000,000 บาท แล้วก็ผ่อนดาวน์  30 เดือน (จ่ายรวมจอง +สัญญา+ดาวน์ก็ประมาณ 20% จากราคาขายครับ)

 

Factsheet

Project Name: Saladaeng One

Developer: SC Asset Corporation Plc.

Location: Saladaeng Soi 1, Rama IV, Bangkok

Land Area: 1-3-95.5 Rai (Approximately 3,182 sq.m.)

Station: 450 Metres from MRT Lumpini; 800 Metres from MRT Silom Interchange

Buildings: 2 Buildings (Tower and Pool Villa)

Tower: 33 Stories and 3 Basements, Total 185 units

Pool Villas: 3 Stories, Total 2 units

Parking: 191

Elevator: 3 Passenger Elevators and 1 Service Elevator

Facility: Swimming Pool, Sauna, Steam, Fully-equipped gym, Business lounge, Landscaped sky terrace

Type of units: 1 Bedroom 50-57 sq.m.

2 Bedroom 106 – 122 sq.m.

2 Bedroom Duplex 106 – 122 sq.m.

3 Bedroom 216 sq.m.

4 Bedroom Penthouse 420 sq.m.

Floor to ceiling: 3 metres

Average Started Prices/ Sq.m.: 285K

Common Fee: 90 baht/sq.m./month

Sinking Fund: 900 Baht/sq.m.

Completion: 2018

Official website: http://www.saladaeng-one.com

เกริก บุณยโยธิน

เกริก บุณยโยธิน

ผู้ก่อตั้งเวปไซต์แบ่งปันความรู้ด้านการตลาด และการสร้างแบรนด์ในวงการอสังหาฯ พร็อพฮอลิค ดอทคอม..หลังจากที่ใช้เวลามากกว่า 10 ปี ในการวนเวียน เข้าๆออกๆ ในสายงานด้านการตลาด และวางแผนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ ของบริษัทอสังหาฯ และเอเยนซีโฆษณาชั้นนำหลายแห่ง (โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมต้องจับสลากเจอลูกค้าสายอสังหาฯทุกที)...จนถูกครอบงำโดยจิตใต้สำนึก ให้ถีบตัวเองออกจากกรอบการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อออกมาจุดประกายความคิดที่ถูกต้อง และนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ให้กับกลุ่มคนที่สนใจในธุรกิจอสังหาฯ

เว็บไซต์

ศุภาลัย พรีเมียร์ สามเสน-ราชวัตร

โซลเลซ พหลฯ-ประดิพัทธ์

นิว เวิร์ส กรุงเทพกรีฑา

ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาต้องบอกว่าย่านกรุงเทพกรีฑาตัดใหม...

28 February, 2024

นิว ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น

ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาพบกับโครงการคอนโดพร้อมอ...

30 January, 2024

ริธึ่ม เจริญนคร ไอคอนิค

วันนี้จะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับคอนโดมิเนียมสุดฮอตชื่อโ...

29 January, 2024

วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน

Whizdom Craftz Samyan คือโครงการที่มอบ 5 องค์ประกอบพ...

4 December, 2023

สอบถามโครงการ

ได้รับข้อมูลเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณอย่างยิ่งที่สนใจครับ
จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปนะครับ

ขออภัย
ไม่สามารถส่งข้อมูลได้
กรุณาลองใหม่อีกครั้ง