ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ในภาคการเงินการลงทุนก็เช่นกัน ได้เกิดรูปแบบการลงทุนรูปแบบใหม่ขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุคที่ฟินเทคได้เติบโตขึ้นจนเป็นมากกว่าแค่กระแสไปแล้ว แต่กลายเป็น New Normal ที่คนทั่วโลกหนีการเปลี่ยนแปลงไม่พ้น เราไปดูกันว่ามีเทรนด์การลงทุนอะไรบ้างที่กำลังมาแรง
หนึ่ง..ลงทุนใน Crypto Currency โดยเฉพาะ Bitcoin และสกุลเงินอื่นๆที่กำลังโด่งดังอยู่ในเวลานี้ แม้จะยังมีข้อกังขาในเรื่องของความยั่งยืน การได้รับการยอมรับจากทางการ รวมถึงราคาที่เหวี่ยงตัวรุ่นแรง แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าได้กลายเป็นการลงทุนที่เติบโตอย่างรวดเร็วไปเสียแล้ว ทั้งสายขุดซึ่งต้องลงทุนกับฮาร์ดแวร์อย่างการ์ด GPU ผู้ที่ขุดเหรียญขึ้นมาเองอาจจะเก็บไว้เป็นการลงทุนระยะยาวหรือรับจ้างขุดให้ผู้อื่นก็ได้ หรือสายเทรดที่ไปซื้อขายกันในตลาดรอง ซึ่งต้องรับมือกับความผันผวนของราคาในตอนนี้ หลังปรับตัวขึ้นรวดเร็วในปลายปีที่แล้ว
ผู้ที่ลงทุนใน Crypto Currency ย่อมคาดหวังว่าในอนาคตมูลค่าของเหรียญจะทวีค่าและได้รับการยอมรับ เช่นเดียวกับสกุลเงิน Fiat Currency ในปัจจุบัน
สอง..ลงทุนใน ICO เป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนผ่าน Crypto Currency แต่ผู้ลงทุนจะคาดหวังถึงมูลค่าของ Token หรือสิ่งที่จะได้รับจากผู้ออก ICO (Initial Coin Offering) เช่น บริษัทฟินเทคแห่งหนึ่งที่ทำธุรกิจเงินกู้ ได้ออกเหรียญของตัวเองขึ้นมาเสนอขายนักลงทุนทั่วไปที่เชื่อมั่นในแผนงานของบริษัท เพื่อนำเงินนั้นไปปล่อยกู้ ผู้ที่ลงทุนใน ICO ดังกล่าว จะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบทั้งราคาของเหรียญที่ผู้ออก ICO จัดสรรให้มีมูลค่าสูงขึ้นหรือได้รับสิทธิในสินค้าและบริการของผู้ออกรายนั้น ทั้งนี้การลงทุนใน ICO เติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อปีที่ผ่านมาและทางการไทยกำลังอยู่ระหว่างพิจารณารับรองการลงทุนประเภทนี้
สาม..ลงทุนผ่าน Crowd Funding คล้ายกับรูปแบบการลงทุนใน ICO แต่ผู้ลงทุนจะได้สิทธิในการเป็นเจ้าของหุ้นในกิจการซึ่งเรียกว่า Equity Crowd Funding หรือได้รับสินค้าหรือบริการ Reward Crowd Funding โดยจะมีผู้ประกอบการตัวกลางคอยเป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ลงทุนกับเจ้าของธุรกิจซึ่งส่วนมากเป็นสตาร์ทอัพหรือเอสเอ็มอี ผู้ที่ลงทุนจะได้ผลตอบแทนในรูปแบบสิ่งของหากการระดมทุนที่เกิดขึ้นทำให้สินค้าและบริการของธุรกิจรายนั้นๆประสบความสำเร็จ หรือได้เงินปันผลหรือ Capital Gain จากการเป็นหุ้นส่วนในกิจการ หากธุรกิจดังกล่าวเติบโตขึ้นหรือเข้าตลาดหลักทรัพย์ในอนาคต
สี่..ลงทุนผ่าน Social Trading ทั่วไปแล้ว การลงทุนในตลาดหุ้นมักจะมีผู้ประสบความสำเร็จน้อยกว่าผู้ล้มเหลว ระบบ Social Trading จึงเกิดขึ้น โดยผู้ลงทุนทั้งในตลาดหุ้น ตลาดอนุพันธ์ สามารถเลือกที่จะติดตามผู้ที่เป็นนักลงทุนมือฉมังที่สร้างผลตอบแทนได้จนเป็นที่ยอมรับ เมื่อเลือกที่จะติดตามแล้ว ระบบจะทำการซื้อขายหุ้นให้โดยอัตโนมัติตามที่ผู้เป็น The Master ที่เราได้เลือกไว้ เป็นตัวช่วยให้เราสามารถสร้างผลตอบแทนในการลงทุนโดยไม่ต้องลงมือเอง โดยผู้ที่เป็น The Master จะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากเราไปด้วย
ห้า..ลงทุนผ่าน Robot Trading คล้ายกับลงทุนผ่าน Social Trading โดยเราไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้อขายหุ้นด้วยตัวเอง แต่เราเลือกที่จะลงทุนผ่านระบบเทรดที่ผ่านการทดสอบมาแล้วว่าสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง จากนั้นระบบก็จะทำการซื้อขายหุ้นแทนให้ทั้งหมด เราเพียงแค่ตรวจสอบดูผลการลงทุนเท่านั้น โดยระบบซื้อขายอัตโนมัตินี้เหมาะสมกับผู้ที่ไม่มีเวลาลงทุนด้วยตัวเอง
หก..ลงทุนเป็นผู้ให้กู้ผ่าน Peer To Peer Lending หากเรามีเงินเย็นที่ไม่ได้ใช้ทำอะไรเร่งด่วน เราสามารถเลือกเป็นผู้ให้ปล่อยกู้ผ่านตัวกลางที่เรียกว่า Peer To Peer Lending ได้ โดยผ่านผู้ให้บริการที่เป็นคนกลางเชื่อมระหว่างผู้ให้กู้กับผู้ขอกู้ แทนที่จะไปกู้เงินผ่านธนาคารตามปกติ ก็มากู้ยืมระหว่างบุคคลแทน โดยผู้ให้บริการจะมีข้อมูลเครดิตของผู้ขอกู้ให้พิจารณา จากนั้นจะเปิดโอกาสให้จับคู่ปล่อยกู้กันเอง โดยพิจารณาดอกเบี้ยตามความเหมาะสม
ทั้งหกเทรนด์ที่กล่าวมา มีบางส่วนที่ปัจจุบันสามารถเข้าไปลงทุนได้แล้วโดยมีกฎหมายรับรอง เช่น Robot Trading และ Crowd Funding (ยังไม่แพร่หลายนัก) บางส่วนสามารถลงทุนได้แต่ยังต้องศึกษาความเสี่ยงให้มากเพราะทางการยังไม่ให้การรับรองอย่าง ICO และ Crypto Currency บางส่วนยังต้องรอให้เกิดขึ้นอย่าง Social Trading และ Peer To Peer Lending ซึ่งทางการกำลังตรวจสอบความเสี่ยงก่อนอนุญาตให้ลงทุน แต่ไม่ว่าจะลงทุนอะไร ผู้ลงทุนต้องศึกษาทั้งโอกาสและความเสี่ยงอย่างรอบด้าน โดยเฉพาะความเสี่ยง อย่าคาดหวังแต่ผลตอบแทนเพียงด้านเดียว
**อยากทราบข้อมูลในเชิงลึก พร้อมเจาะลึกทุกแง่มุมของการลงทุนรูปแบบนี้ ห้ามพลาดกับงาน PropTalk 2018: “Alternative Investment จับกระแสการลงทุน ทางเลือกใหม่ในยุค 4.0″…ตอนนี้บัตรถูกจองไปหมดแล้ว ดังนั้นผู้ที่จองได้อย่าลืมไปเจอกันที่งานวันที่ 24 กพ.นี้นะครับ
รายละเอียดเพิ่มเติมตามลิงค์นี้เลย >> https://www.zipeventapp.com/e/proptalk
RML กับดีลสุดเซอร์ไพร์ส! ผงาดร่วมทุน Tokyo Tatemono ประเดิม 2 โครงการคอนใหม่ที่สาทร 12 และสุขุมวิท 26
Tokyo Tatemono เป็นบริษัทอสังหาฯจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว มี Port ด้านอสังหามากม... อ่านต่อ
เผยข้อมูล Grand Unity สาทร 12 คอนโดใหม่บนที่ดิน Double A 1 ใน 2 คอนโดใหม่ที่จะทำให้ทำเลสาทร 12 เดือด!!!!
ดูจากแปลนจะเห็นว่ามีลิฟท์ 3+1 ตัวกับขนาดยูนิตเท่านี้ ที่จอดรถเยอะแบบนี้ นี่มัน super pr... อ่านต่อ
Eco-friendly is the new Luxury Trend เมื่อเทรนด์ความหรูหราที่แท้จริงเปลี่ยนไป
ค่านิยมที่สะท้อนความหรูหราสำหรับผู้คนในเมืองไทยก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปตามยุคสมัย ถ้าพูดถึงสถา... อ่านต่อ
The Raweekanlaya Bangkok Wellness Cuisine Resort สุนทรียะบนรอยต่อของเขตเมืองเก่ากับความร่วมสมัย
‘พระนคร’ 1 ใน 50 เขตการปกครองของกรุงเทพมหานครที่ถือว่าเป็นเขตอนุรักษ์เมืองเก่าเขตนี้ ไม... อ่านต่อ
จากรายงานฉบับล่าสุดโดยแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก พบว่า ในปี 2560 ยอดขายวิลล่าในภูเก็ตอยู่ที่ 155 หลัง ซึ่งถือเป็นยอดขายสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2558 และเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 21% โดย 90% ของยอดขายวิลล่าทั้งหมดในปี 2560 เป็นวิลล่าในตลาดระดับกลาง-ล่างซึ่งมีราคา 5 - 35 ล้านบาท
สำหรับโครงการคอนโดมิเนียมที่ผ่านมาของสิงห์ เอสเตท ได้แก่ ดิ เอส อโศก (THE ESSE Asoke) และ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ (THE ESSE at SINGHA COMPLEX) ทั้ง 2 โครงการต่างได้รับการตอบรับที่ดีในกลุ่มลูกค้าคนไทย รวมถึงได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติทั้งนักลงทุนรายใหญ่และนักลงทุนรายย่อย ทำให้ปัจจุบันทั้งสองโครงการมียอดขายรวมแล้วกว่า 85%
ตอบรับกระแสออนไลน์แรงและพฤติกรรมลูกค้าเปลี่ยน!! บอสสาวคนเก่ง ธัญญรักข์ ชวาลดิฐ แห่ง กลุ่มบริษัท เอสบี เฟอร์นิเจอร์ ประกาศรุกตลาดปี 2561 เต็มสูบ เดินหน้าสร้างเครือข่าย Designer Connect หวังมอบประสบการณ์ใหม่และแรงบันดาลใจในการแต่งบ้าน เตรียมเปิดตัวแคมเปญใหญ่แห่งปี 52 WEEKS OF DESIGN by SB DESIGN SQUARE (ฟิฟตี้ ทู วีคส์ ออฟ ดีไซน์ บาย เอสบี ดีไซน์สแควร์) จะดุเด็ด เผ็ด มันส์ ขนาดไหน รอฟังพร้อมกัน ในวันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน 2561 เวลา 13.00 – 16.00 น. ณ เอสบี ดีไซน์สแควร์ สาขา คริสตัล ดีไซน์เซ็นเตอร์ (CDC) ชั้น 1