ที่ดินแปลงใหญ่ๆ ติดรถไฟฟ้าคือของหายาก

High-rise condominium ติดรถไฟฟ้าในกรุงเทพส่วนใหญ่มักจะตั้งอยู่บนทำเลติดถนนใหญ่ที่มีแปลงที่ดินขนาดประมาณ 1-3 ไร่ ตึกสูงๆ ส่วนกลางเล็กๆ อยู่ด้านล่างและ rooftop นิดๆ หน่อยๆ มีพื้นที่ให้เดินเล่นเล็กๆ แม้จะมี Facility เยอะแต่ก็จะมีขนาดไม่ใหญ่โต แคบๆ เดินไปแป๊บเดียวก็สุดขอบตึกแล้ว มีโครงการ High-rise ส่วนน้อยที่ตั้งอยู่บนที่ดินแปลงขนาดใหญ่เกิน 8 ไร่ และยิ่งเกิน 10 ไร่ขึ้นไปนั้นยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ ดังนั้นเมื่อใดที่มีคอนโดติดรถไฟฟ้าที่มีพื้นที่ใหญ่ๆ เกิน 10 ไร่ขึ้นไปเปิดขายขึ้นมา เราจึงจับตามองเป็นพิเศษเพราะมันคือ Rare Item หาได้ยากนั่นเอง และ The Parkland Phetkasem 56 (เดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม 56) คือหนึ่งในโครงการคอนโดมิเนียม High-rise ที่มีอาณาเขตรวมมากกว่า 13 ไร่ ถือว่ายิ่งใหญ่มากๆ ดังนั้น Facility ในโครงการรับรองได้ว่าจัดเต็ม จัดแน่น กว้างขวางกว่าที่อื่นๆ แน่นอน ใครชื่นชอบคอนโดตึกสูงๆ แต่ชอบพื้นที่กว้างขวางห้ามพลาดเด็ดขาดครับ

รูปเปิดตัวภาพแรก Mega Park ของ The Parkland Phetkasem 56 แค่นี้ก็โอ้โห้ใหญ่โก้แล้ว ส่วนกลางใหญ่ เยอะ อลังการมาก จนใช้ไม่หมดในวันเดียว

ทำเล The Parkland Phetkasem 56 อยู่ตรงไหน

โครงการ The Parkland Phetkasem 56 (เดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม 56) ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม (Google Maps: https://goo.gl/maps/FKxrTvxXKoP2   GPS: 13.713040, 100.433168 ) เป็นทำเลติดสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายหัวลำโพง-บางแค ซึ่งเส้นทางนี้มีแผนจะเปิดให้บริการในปีพ.ศ. 2562 (อาจเลื่อนจากกำหนดได้อีก) โครงการอยู่ติด MRT สถานีภาษีเจริญเพียง 40 เมตร ทำเลนี้ถ้ารถไฟฟ้าเปิดใช้บริการเมื่อใดจะสะดวกสบายมากเพราะเป็นรถไฟฟ้าสายที่ตรงดิ่งเข้าใจกลางเมืองอย่างสามย่านแหล่งการศึกษา สีลม-ลุมพินี-อโศกย่านธุรกิจและออฟฟิศต่างๆ เดินทางเข้าเมืองโดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวนแต่อย่างใด สำหรับการเดินทางโดยรถยนต์ก็สะดวกสบายเพราะอยู่ติดถนนเพชรเกษม ออกไปทางเหนือด้วยถนนราชพฤกษ์ได้ หรือจะเข้าเมืองย่านสาทรผ่านสะพานตากสินก็ยังได้

แผนที่คร่าวๆ ของ The Parkland Phetkasem 56

แผนที่ The Parkland Phetkasem 56 กับเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินหัวลำโพงจนถึงสถานีภาษีเจริญ ที่หมุดสีแดงครับ จากสถานีภาษีเจริญเดินทาง 9 สถานีก็ถึงสถานีหัวลำโพงครับ

แนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่างๆ

สถานีภาษีเจริญที่กำลังก่อสร้างอยู่ ถ่ายภาพเมื่อ พ.ศ. 2560

ใกล้สถานีภาษีเจริญเพียง 40 เมตร มีอาคารสำนักงานของธนาคาร UOB สำนักงานใหญ่ ที่ถือว่าเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ตึกแรกที่มาปักหมุดที่ทำเลนี้ คาดว่าในอนาคตน่าจะมีบริษัทอื่นๆ มาตั้งเพิ่มอีก

ตรงข้ามกับโครงการ The Parkland Phetkasem 56 มีห้างสรรพสินค้า SEACON Bangkae ซีคอนบางแคซึ่งข้างในห้างมีการบริหารจัดการใหม่ ดูทันสมัยเทียบเท่ากับห้างในตัวเมืองครับ ร้านใหม่ๆ อินเทรนด์มากันครบถ้วนทุกความต้องการของคนสมัยใหม่ ซึ่งการมีห้างอยู่ตรงข้ามคอนโดมิเนียมถือว่าเป็นทำเลที่ดีมากๆ สะดวกสำหรับไลฟ์สไตล์คนยุคนี้

ทำเลของ The Parkland Phetkasem 56 ถือว่าสะดวกสบายตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ชอบเดินทางด้วยรถไฟฟ้าและต้องการอยู่ใกล้ห้าง เดินเล่นห้าง เป็นบ้านหลังที่สองของตัวเอง ทำเลที่ติดรถไฟฟ้าและติดห้างแบบนี้ถือว่ามีไม่เยอะนะครับ และด้วยราคาที่เป็นมิตร ไม่สูงมาก อยู่ในระดับราคาที่คนทำงานมนุษย์เงินเดือนซื้อหาได้ จึงเป็นโครงการที่ดูน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

เจาะจุดเด่นโครงการ The Parkland Phetkasem 56 แตกต่างจากโครงการอื่นๆ และโครงการรอบข้างอย่างไร

The Parkland Phetkasem 56 เป็นโครงการคอนโดมิเนียมขนาดใหญ่ พื้นที่กว้างกว่า 13 ไร่ ยูนิตทั้งหมด 2,047 ยูนิต แม้จะมีจำนวนสูงแต่ไม่อึดอัดเพราะด้วยอาณาเขตกว้างขวางทำให้การออกแบบพื้นที่ภายในโครงการมีความโปร่งโล่งสบายมาก มีการกระจายความหนาแน่นให้น้อยลงโดยแบ่งพื้นที่พักอาศัยออกเป็น 3 tower โดยมีพื้นที่ส่วนกลางหลายส่วน แต่ไม่แบ่งแยกกัน เพราะ Facility เชื่อมต่อกันทั้งหมดต่อเนื่องกัน 3 tower ถือว่าดีมาก ต่างจากโครงการคอนโดมิเนียมใกล้ๆ กันที่มีอาคารพักอาศัย 2 tower ที่มีส่วนกลางค่อนข้างขาดความต่อเนื่องต้องขึ้นๆ ลงๆ เข้าๆ ออกๆ ถึงจะไปใช้บริการ facility ได้

ภาพ Levels Garden ของ The Parkland Phetkasem 56 พื้นที่ประมาณ 2,748 ตร.ม. มีบันไดและทางเดินสำหรับรถเข็นวีลแชร์เข้ามาพักผ่อนในสวนส่วนกลางได้

Facility ของ The Parkland Phetkasem 56 เป็นอย่างไร และตอบโจทย์คนรุ่นใหม่อย่างไร

The Parkland Phetkasem 56 มีการออกแบบเพื่อรองรับการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่อย่างลงตัว ซึ่งแตกต่างจากโครงการรอบข้างอย่างเห็นได้ชัด โดยมีจุดเด่นทั้งหมด 4 โซน ได้แก่

โซนที่ 1 Star Pavilion อยู่ที่ Tower A ชั้น 32 มี Sky Social club Area เราสามารถพาเพื่อนๆ มานั่งชิลล์ รับบรรยากาศสุดหรูหรา และผ่อนคลายไปกับ Mini Theatre & Karaoke Room นอกจากก็มี SKY Private Party Room ดูหนังร้องเพลงหรือแม้แต่จะจัดปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ก็ทำได้ง่าย ดื่มด่ำดูท้องฟ้าดวงดาวพระจันทร์ยามค่ำคืน มองเห็นวิวเมืองกรุงเทพแบบพาโนรามา สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับในราคาที่น่าประทับใจ

โซนที่ 2 Double Volume Co-Working Space อยู่ที่บริเวณTower A, Tower B ชั้นที่ 1 และ 2

จัดพื้นที่ให้มี Co- Working Space ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การทำงานของคนรุ่นใหม่ทันสมัยด้วยสไตล์การออกแบบ Modern Loft ใช้วัสดุไม้ผสมเหล็ก คัดสรรเอาธรรมชาติเข้ามาตกแต่งเพื่อให้เรารู้สึกไม่อึดอัด

ภายในถูกออกแบบให้มี 2 Level มีฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ ครบครัน เช่น Social Club มุมนั่งเล่น hangout สบายๆ พร้อมกับ Amphitheater seating เป็นที่นั่งแบบอัฒจรรย์ที่ช่วยให้เกิด community ของผู้คนที่อยู่อาศัย

มี Workshop Area พื้นที่สำหรับนั่งทำงาน จะเป็นกลุ่ม หรือนั่งคนเดียวก็ทำได้ เพราะสำหรับนั่งติวหนังสือสำหรับกลุ่มนักเรียนนักศึกษา และกลุ่มคนทำงานนัดคุยงานนอกสถานที่ ถ้าเครียดๆ ก็เดินมาเฮฮาที่ Gaming Recreation คลายเครียดจากการทำงานได้ที่มุม Football Table และ Pool Table นอกจากนี้ยังมี Meeting Room ห้องประชุม และ Library Area ห้องสมุดเสริมความรู้

โซนที่ 3 Double Volume Fitness อยู่ระหว่าง Tower B และ Tower C ชั้น 5 และ6

มีห้องฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ไม่เพียงแค่นี้ยังมีห้อง Sauna แยกชายหญิงอีกด้วย มี Locker Room และจุดเด่นไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้คือ Boxing Stage บริเวณชั้น 5 เป็นเวทีมวยให้เราได้ออกกำลังกาย จ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวมาเหวี่ยงหมัด ออกเหงื่อเตะต่อยระบายไขมัน และยังไม่จบนะครับ ยังมี Golf Simulator ถึง 2 ห้อง! ที่ชั้น 6 ยังมี Yoga Room ให้เราได้มายืดเส้นยืดสายอีกด้วย รวมทั้งยังมีเครื่องเล่นออกกำลังกายอีกเพียบที่ชั้น 6 เยอะแยะจนพูดไม่หมด ยังนึกไม่ออกเลยว่าสมมุติโครงการสร้างเสร็จแล้วพอคนจะขายต่อต้องพาลูกค้าเดินชมโครงการทั้งหมดก่อนซื้อไม่รู้ว่าจะต้องนวดยาแก้ปวดเมื่อยรึเปล่าเพราะพื้นที่ส่วนกลางใหญ่เยอะมีหลายชั้นจริงๆ ฮาๆ

โซนที่ 4 Pools & Garden สระและสวน มีแรงบันดาลใจมาจากเสน่ห์ของพื้นที่เกษตรกรรมในย่านบางแคเดิมที่เต็มไปด้วย ต้นแค และกล้วยไม้ คลอง และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ จึงนำมารังสรรค์เพื่อใช้ในการออกแบบโครงการเพื่อให้ผู้พักอาศัยใกล้ชิดกับธรรมชาติและหวนรำลึกถึงอดีตที่น่าคิดถึง

Mega Park สระและสวนขนาดใหญ่ เชื่อมกันระหว่าง 3 Tower มีอะไรบ้าง

สวนในพื้นที่ส่วนกลางของที่ The Parkland Phetkasem 56 ไม่ได้มีแค่ต้นไม้ปลูกไว้เฉยๆ และไม่ใช่สวนเล็กๆ แบบคอนโด High-rise ทั่วๆไป แต่มันคือสวนระดับ Mega Park ใหญ่ ยาวต่อเนื่องกันเชื่อมกันตลอดทั้ง 3 Tower

หมายเลข 7 เป็น Rain Pavilion  เป็นผืนหญ้าขนาดใหญ่ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหยาดฝน การออกแบบคล้ายกับบรรยากาศยืนอยู่กลางสายฝน ห้อมล้อมเอาไว้ด้วยธรรมชาติผืนสีเขียวขนาดใหญ่ โดยสระและสวนจะแบ่งออกเป็นฝั่ง Tower A,B และฝั่ง Tower C มีคอนเซปต์การออกแบบว่า “Health & Hip

ในส่วนของ Health หมายเลข 1 จะเป็น Vanishing Edge Pool with Private Deck ที่ Tower C จะเป็นสระที่มีคอนเซปต์เป็นแม่น้ำบรรยากาศเรียบสงบ ภายในสระมี deck แท่นลอยกลางน้ำทำกิจกรรมโยคะกลางน้ำ มีสระฝั่ง Tower C เดินเชื่อมต่อไปยังหมายเลข 6 คือโซนฟิตเนสได้ครับ

ส่วนต่อมา หมายเลข 2 มีสระ Lagoon Pool ที่ Tower A  จะอยู่บริเวณชั้น 6 มีแนวคิดแบบ Hip style เหมาะกับ active activity ต่างๆ สระ Lagoon Pool เน้นความสวยงามของสีสันมีการเล่นระดับภายในตัวสระ และเน้นเส้นโค้งเว้าสระทำให้ดูเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมีต้นไม้จำนวนมาก ให้ความรู้สึกส่วนตัวและรู้สึกได้ถึงธรรมชาติที่โอบล้อมเราอยู่ขณะว่ายน้ำ

หมายเลข 3 ออกแบบเป็นสวนเล่นระดับ Levels Garden บริเวณหน้า Tower B มีทางเดินและทางลาดชัน สามารถเดินจากชั้น 6 ลงมาได้ถึงชั้น 3 ระหว่างทางที่เดินลงมาจะพบทางเชื่อมต่อที่ชั้น 5 ซึ่งเดินเชื่อมไปยังฟิตเนสได้ และพบกับหมายเลข 4 คือ Firefly Pavilion ตกแต่งด้วยไฟระยิบระยับคล้ายกับหิ่งห้อยยามค่ำคืน เมื่อเดินลงมาจนถึงบริเวณชั้น 3 จะมีหมายเลข 2 เป็น Waterfall มีน้ำตกและเป็นบริเวณของ Outdoor Co-Living Area เป็นที่นั่งชิลล์หรือทำงานได้อีกมุม นอกจากนี้บริเวณชั้นสวนถ้าเดินลงมาเรื่อยๆ จะถึงหมายเลข 5 คือ ทางเดินรอบสนามบาสเกตบอล มีรั้วกั้นสูงเอาไว้เพื่อแบ่งพื้นที่ให้เป็นทางเดินและให้ยืนเชียร์เพื่อนๆคนอื่นๆ ที่กำลังเล่นบาสเกตบอล

ทั้งหมดนี้เข้ากับสโลแกนคำว่า “NEVER BEFORE NO MORE AGAIN” หมายความว่า The Parkland Phetkasem 56 อัดแน่นไปด้วยสวนขนาดใหญ่ Facility จัดเต็ม แบบที่ไม่มีที่ไหนเคยทำที่ไหนมาก่อน และอยู่ใน Location เดินทางสะดวกสบายเพราะติดรถไฟฟ้าเพียง 40 เมตร อยู่ตรงข้ามห้างซีคอนบางแค ถูกใจ เดินทางง่าย ชอปปิ้งสบาย หรือนอนพักเดินเล่นอยู่ใน The Parkland Phetkasem 56 อย่างเดียวไม่ต้องออกไปไหนก็ได้ไม่น่าเบื่อ

ดีไซน์ The Parkland Phetkasem 56 ที่แตกต่างกับโครงการอื่น

งานออกแบบทั้ง Landscape design และ Interior design ของ The Parkland Phetkasem 56 นั้นตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากกว่าโครงการอื่นๆ รอบข้างเนื่องจากตั้งใจเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมายที่มีความต้องการในชีวิตที่เหนือกว่าการพักผ่อนอยู่แต่ในห้องของตัวเอง คนรุ่นใหม่ยุคนี้มีความสนใจ ทำกิจกรรมหลากหลายมากกว่าเดิม ไม่ว่าจะออกกำลังกายสารพัดรูปแบบ วิ่ง ว่ายน้ำ เข้าฟิตเนส เล่นโยคะ พักผ่อนดูหนัง ฟังเพลง เต้น แม้การทำงานเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ทำงานแค่ที่ออฟฟิศแล้ว แต่ยังมีการทำงานเสริม ทำงานออนไลน์ที่ไหนก็ได้ผ่านอินเทอร์เน็ต จึงต้องการบรรยากาศการทำงานที่ดีที่มากกว่าแค่โต๊ะทำงานติดฝาผนังพื้นๆ ถ้าได้ทำงานในบรรยากาศสวนสวยๆ เป็นวิวช่วยผ่อนคลายคั่นระหว่างความเครียดก็จะชื่นชอบเป็นอย่างมาก

โครงการใกล้เคียงอาจจะออกแบบให้มีการบริหารจัดการต้นทุนค่าก่อสร้างให้ได้ดี แต่ The Parkland Phetkasem 56 ไม่ได้เน้นเรื่องการ Cost Management มากนัก แต่เน้นไปที่ Experience Management ทำยังไงให้ผู้อยู่อาศัยพึงพอใจกับประสบการณ์การอยู่อาศัยมากกว่าแค่เรื่องการประหยัดเงินในกระเป๋าเพราะความสุขความพึงพอใจไม่อาจวัดได้ตรงๆ กับค่าของเงินที่จ่ายไป บางคนแค่รู้สึกชอบฟีเจอร์เล็กๆ บางสิ่งบางอย่างที่โครงการมีให้ก็เป็นจุดตัดสินใจได้เลยว่าจะชอบที่ไหนมากกว่ากัน ยกตัวอย่างผู้เขียนชอบคอนโดมิเนียมที่มีที่นั่งทำงานส่วนกลางที่มีวิวสวยๆ ติดแอร์ มองเห็นสีเขียวต้นไม้ผ่อนคลายหลังทำงาน ชอบคอนโดที่มีบริเวณกว้าง เดินเล่นไปมาลมพัดเย็นๆ ในสวนแก้เบื่อได้ เหตุผลง่ายๆ แค่นี้ก็ตัดสินใจซื้อแล้ว ถ้าราคาไม่แตกต่างกันมากกับโครงการอื่นที่เล็งไว้ สมมุติอาจจะแตกต่างกันประมาณ 3-4 แสนบาท แต่เราชอบใจอันที่แพงกว่าเพราะถูกใจ Facility ในขณะที่อีกโครงการแม้ราคาถูกกว่าแต่ไม่ค่อยถูกใจ Facility ก็จะตัดสินใจเลือกอันที่ถูกใจมากกว่าอันที่ราคาถูก ถ้าราคาต่างกันเป็นล้านบาทนี้อาจจะหวั่นไหวบ้าง แต่ถ้าต่างกันแค่ 3-4 แสนบาทถือว่าไม่ต่างกันมากเท่าไหร่นัก ยอมซื้ออันแพงกว่าครับ เพราะเราจะอยู่กับที่ที่เราซื้อไปอีกนานหลายปีตีค่าเป็นเงินความคุ้มค่าทางใจได้อีกมากมาย เหตุผลการซื้อคอนโดมิเนียมต้องใช้การเปรียบเทียบกันถึงจะตัดสินใจง่ายขึ้นครับ ดังนั้นก่อนมาสำรวจดูโครงการ The Parkland Phetkasem 56 ขอแนะนำให้ไปตระเวนเยี่ยมชมโครงการอื่นๆ ก่อน แล้วค่อยมาตัดสินใจเลือกจองที่ The Parkland Phetkasem 56 ทีหลังก็ได้ไม่ว่ากันครับ

Narai คู่หู Supalai ในย่านฝั่งธน

โครงการ The Parkland Phetkasem 56 ของ Narai Property เปิดตัวขายในเวลาใกล้เคียงกับ Supalai Veranda สถานีภาษีเจริญ จาก Supalai จะว่าไปผู้พัฒนาอสังหาฯ 2 รายนี้ก็ถือว่าเป็นคู่แข่งขายดีตีคู่กันมาตลอดในย่านฝั่งธน ซึ่งการแข่งขันนี้เป็นผลดีต่อผู้บริโภคอย่างเราๆ ที่ทำให้เราได้คุณภาพสินค้าดีขึ้น และช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันมากกว่าที่จะฟาดฟันกันตรงๆ แต่ละโครงการก็จับกลุ่มเป้าหมายต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เจ้าหนึ่งอาจจะเน้นไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง อีกเจ้าก็จะเน้นที่ความคุ้มค่าด้านการลงทุนและตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ยกระดับขึ้นในราคาที่จับต้องได้ง่ายๆ สบาย แต่ทั้งนี้ทั้งสองโครงการก็จะมาช่วยทวีความคึกคักให้กับย่านสถานีภาษีเจริญรอบๆ ซีคอนบางแคให้เจริญยิ่งขึ้นตามชื่อเขตที่ว่า “ภาษีเจริญ” ครับ

อนาคตจะเป็นอย่างไร

ในอนาคตอีก 2-3 ปี ประมาณปี 2020 หลังจากที่โครงการต่างๆ พัฒนาเสร็จแล้ว และการเปิดใช้บริการของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน คาดว่าราคาขายและความนิยมของคอนโดมิเนียมในย่านสถานีต่างๆ ของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินหัวลำโพง-บางแคจะมีอัตราการเพิ่มขึ้น แต่จะเพิ่มขึ้นมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความนิยมว่าคนชอบอยู่สถานีไหนมากกว่ากัน ซึ่งดูจากศักยภาพของสถานีภาษีเจริญแล้ว มีทั้งอาคารสำนักงาน มีห้างสรรพสินค้าก็ถือว่ามีแต้มต่อมากกว่าสถานีอื่นๆ

เล่นสั้น ยังทำได้ไหม หรือจะลงทุนระยะยาวดี

ในภาคการลงทุนระยะสั้นขายต่อใบจองของคอนโดย่านฝั่งธนบุรีนั้นคิดว่ายากหน่อย เพราะพฤติกรรมของผู้ซื้อย่านนี้มักจะเป็น Real Demand ที่ซื้อเพื่ออยู่เอง ซึ่งคนที่ซื้ออยู่เองจะชอบซื้อตรงจากโครงการโดยตรงมากกว่าเพราะเชื่อมั่นมากกว่าซื้อจากบุคคล และไม่ต้องการจ่ายเงินก้อนใหญ่ซื้อดาวน์ต่อจากคนอื่น นอกจากนี้ Real Demand จะชอบซื้อหลังจากที่โครงการสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ตึกเสร็จ เห็นสวน เห็นสระว่ายน้ำ เดินเข้ามาดูแล้วยอมซื้อต่อห้องใหม่จากเจ้าของเดิมก็มี Demand แบบนี้เช่นกัน ดังนั้นการลงทุนกับโครงการคอนโดมิเนียมในย่านรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินถนนเพชรเกษมคาดว่าจะต้องรอจนกว่าโครงการจะขึ้นตึกใกล้จะเสร็จหรือเสร็จสมบูรณ์ Ready to move in แล้วถึงจะเริ่มมีการซื้อขายและนั่นคือช่วงเวลาที่จะได้กำไรจาก Capital Gain ครับ ประจวบเหมาะกับถ้ารถไฟฟ้าสร้างเสร็จทันพอดีก็จะทำให้ราคาขึ้นสูงได้ แต่ถ้ารถไฟฟ้าไม่เสร็จ ราคาก็จะไม่แตกต่างจากต้นทุนมากนัก เรื่องนี้ต้องคอยลุ้นกันไปครับ แต่อย่างไรก็ตาม รถไฟฟ้าก็ต้องเปิดอยู่ดี ดังนั้นโครงการย่านเพชรเกษมนี้ก็ถือว่าไม่เลวที่จะลงทุนระยะยาวครับ

สะดวกดีในราคาซื้อได้ง่าย

The Parkland Phetkasem 56 ได้แต้มต่อมากกว่าโครงการอื่นๆ ในย่านเพชรเกษมก็เพราะว่าเป็นคอนโดมิเนียมที่มีอาณาเขตใหญ่ถึง 13 ไร่ แถมติดรถไฟฟ้า ซึ่งแบบนี้ถือว่าหายากครับ ถ้าไปสุขุมวิทอาจจะเจอที่โครงการขนาดใหญ่ 8 ไร่ติดรถไฟฟ้าอย่าง Ideo Sukhumvit 93 ที่สถานีบางจาก แต่ราคาก็สูงไกลเกินกว่าคนทำงานมนุษย์เงินเดือนทั่วไปจะเอื้อมถึง แต่ถ้ายอมขยับออกมาชานเมืองที่มีศักยภาพเติบโต และโอเคกับราคาที่ถูกลง ได้บรรยากาศที่ธรรมชาติมากขึ้น ยอมเดินทางระยะเวลานานขึ้น แต่ก็สะดวกด้วยรถไฟฟ้าใกล้คอนโดมิเนียม ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับและตัดสินใจเลือกได้

The Parkland Phetkasem 56 เข้ามาช่วย Reset ราคาคอนโดมิเนียมในย่านเพชรเกษมให้สะท้อนความเป็นจริงมากขึ้นหลังจากที่มีโครงการคอนโดมิเนียมแถวเพชรเกษม 40 ปลายๆ เกือบ 50 ได้ออกตัวแรงมาด้วยราคาตารางเมตรละประมาณแสนบาทต่อตารางเมตร จึงทำให้เรามีตัวเลือกที่ชัดเจนมากขึ้นว่าควรตัดสินใจที่ไหนที่จะคุ้มค่ามากที่สุด และดีที่สุด

The Parkland Phetkasem 56 อยู่ตรงไหนในใจคนคอนโดย่านเพชรเกษม

ถ้าจะวิเคราะห์ The Parkland Phetkasem 56 ในสถานการณ์ปัจจุบัน (เดือน ก.ค. 2560) ถือว่า The Parkland Phetkasem 56 เป็นโครงการที่อยู่ตรงกลางระหว่าง Great Facility Condominium อย่างโครงการแถวเพชรเกษม 40 เกือบๆ 50 เปรียบเทียบกับ Great Price Condominium อย่างโครงการที่อยู่ติดกันในย่านสถานีภาษีเจริญ ดังนั้นใครชอบคอนโดมิเนียมราคาไม่แพงแต่ต้องการ Facility จัดเต็มสวยงามก็คงไม่ยากที่จะเลือกจองที่ The Parkland Phetkasem 56 ครับ

รายละเอียด The Parkland Phetkasem 56 เป็นอย่างไร

โครงการ เดอะพาร์คแลนด์ เพชรเกษม 56 (The Parkland Phetkasem 56) เจ้าของโครงการ บริษัท นายารา เพชรเกษม จำกัด มีเนื้อที่ทั้งหมด 13-3-12.3ไร่ จำนวนตึกมีตึกเดียวมีพื้นที่ส่วนกลางตรงกลางเป็น platform เดียวกัน แต่แบ่งออกเป็น 3 ทาวเวอร์ ได้แก่ ทาวเวอร์ A 32 ชั้น, ทาวเวอร์ B 31 ชั้น และ ทาวเวอร์ C 29 ชั้น แต่ละทาวเวอร์มีลิฟต์โดยสาร 4 ตัว และ Service Lift อีกทาวเวอร์ละ 1 ตัว ครับ จำนวนห้องพักอาศัยทั้งหมด 2,047 ยูนิต ถือว่าคึกคักมาก มีห้องชุดเพื่อการพาณิชย์ 1 ยูนิต  ห้องชุดสำนักงาน 1 ยูนิต

ลักษณะห้องและขนาดห้องของ The Parkland Phetkasem 56 ได้แก่ รูปแบบ Studio 25.0-25.5 ตร.ม. รูปแบบ 1 Bedroom 26.5-37.5 ตร.ม. และรูปแบบ 2 Bedrooms 48.5-62.0 ตร.ม. มีที่จอดรถทั้งหมด 50% ประมาณ 1,000 คัน และอัตรานี้ยังไม่รวมซ้อนคันครับ ถ้าซ้อนคันจะได้มากกว่านี้ จุดเด่นพิเศษคือมีที่จอดรถประจำแบบ Fixed Parking สำหรับ 2 ห้องนอนทุกยูนิตครับ

กำหนดการเริ่มก่อสร้าง ไตรมาส 1 ปี 2561 คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2563 ถ้ารถไฟฟ้า MRT เสร็จตามกำหนดปี 2562 จะทำให้รถไฟฟ้าเสร็จก่อนที่คอนโดมิเนียมจะสร้างเสร็จ มีความเป็นไปได้ที่ราคาคอนโดมิเนียมจะขึ้นสูงถ้ารถไฟฟ้าเปิดให้บริการแล้วครับ

ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท

ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-454-8585

หรือลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ >>  https://goo.gl/qqrxKn