Source - กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ (Th) Wednesday, August 26, 2015 14:46 ครบ10 ปี หลังการปลุกปั้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยตัวเอง สำหรับ“ ศรศักดิ์ สมวัฒนา” ทว่านับจากนี้ถือเป็นการเดินเกมใหม่ใต้เงา "สิงห์" หลังถูก “สิงห์ เอสเตท” ทาบทาม 2 เดือน ก่อนการแลกหุ้น ระหว่างสิงห์ เอสเตท กับ เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ โดยสิงห์ เอสเตท กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน “เนอวานา” 51% จากเดิมตระกูล “สมวัฒนา” ถืออยู่ 75% และเนอวานา เข้าถือหุ้นในสิงห์เอสเตท 3.8% การผนึกกำลังครั้งนี้ นอกจาก “เงินทุนและคอนเนคชั่น” ของเนอวานาจะปึ้กขึ้นแล้ว ยังเป็นการติดปีกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของค่ายสิงห์ สู่ “แนวราบ” ให้ครบวงจรมากขึ้น เรียกว่า “วิน- วิน” ทั้งคู่ ก่อนจะเล่าถึงดีลนี้“ศรศักดิ์ สมวัฒนา”ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เท้าความถึงธุรกิจที่เขาและครอบครัวปั้นมากับมือว่า ธุรกิจเดินมาครบ 10 ปีพอดี หลังโดดสู่สังเวียนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตั้งแต่วัย 29 ปี ที่เริ่มจากการซื้อที่ดินและพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ ประเภทบ้านเดี่ยวราคา 6-10 ล้านบาทมียอดขายปีแรก “สิบล้านบาท” ก่อนทะยานสู่ “พันล้านบาท” ในเวลาต่อมาเจ้าตัวบอกว่า ทุกวันนี้ยังจำชื่อลูกค้าที่ประเดิมซื้อบ้านหลักแรกราคา 7 ล้านบาทได้ โดยลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเน้นไปที่กลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูง เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ (Young Executive)“ศรศักดิ์” ยังนิยาม การสร้างบ้านสำหรับเขาว่า ต้องตอบโจทย์ “ผู้อยู่อาศัย” ให้มากที่สุด“เนอวานาถูกหล่อหลอม หรือถูกกำหนดทิศทางสร้างบ้านจากข้อมูลที่แท้จริง จากลูกค้าโดยตรง เพราะเราสร้างบ้านให้คนอยู่ ไม่ได้สร้างบ้านตามบทวิจัยการตลาด” ทว่า การทำธุรกิจอสังหาฯตลอด 10 ปีที่ผ่านมา นั่น “ไม่ง่าย” “ตอนซื้อที่ดินแปลงแรกก็เจอตอ ตอกเสาเข็มขึ้นโครงการไม่ได้ เพราะที่ดินถูกอายัด ต้องแก้ปัญหาทางกฎหมาย พอบ้านขายดีมาก ปัญหาการเงินตามมาเพราะหมุนเงินสร้างบ้านไม่ทัน เงินทุนหมุนเวียนมีปัญหา ขาดอำนาจต่อรองกับซัพพลายเออร์ (ผู้ขายวัสุดก่อสร้าง) เรียกว่ามีสารพันปัญหารุมเร้า” หลังเกิดการผนึกกำลังครั้งใหม่กับ “บิ๊กเนม” ในแวดวงธุรกิจไทย อย่าง “สิงห์ เอสเตท” บริษัทในเครือบุญรอดบริวเวอรี่เขาเชื่อว่า ปัญหาที่ว่ามานี้จะเบาบางลง จากชื่อชั้นสิงห์ ภายใต้อาณาจักรใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม เขาบอกว่า ยังไม่มีนโยบายพิเศษจาก “แม่ทัพสิงห์” หลานรักของ“สันติ ภิรมย์ภักดี”บิ๊กบอสบุญรอด อย่าง“ชญานิน เทพาคำ”ประธานกรรมการบริหาร และประธานบอร์ด ของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด บอกเพียงว่าให้เราทำในสิ่งที่ดีให้ดีขึ้น เขายินดีสนับสนุนเรา เพราะเราทำในสิ่งที่ดี จึงอยากให้ทำสิ่งดีนี้มากขึ้น การผนึกกับสิงห์ฯครั้งนี้ ยังไม่ใช่ความตั้งใจแต่แรก แต่เกิดจากเหตุ“บังเอิญ”ที่ศรศักดิ์ บอกว่า คุยกันแล้ว“ลงตัว” “ปรัชญาธุรกิจ” (Business Philosophy) ยังเข้ากันได้ “เคมีลงตัว” เลยทำให้เนอวานา “เซย์เยส” “สิงห์เป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือ และมีชื่อเสียงที่ดี เดิมคนไม่ค่อยรู้จักเรา หลังเราไปอยู่ในกลุ่มสิงห์ ตอนนี้ไม่มีคำถามว่าเนอวานาเป็นที่รู้จักหรือไม่ เราน่าเชื่อถือมากขึ้นแน่นอน การสนับสนุนทางการเงินคือ เต็มที่”  ได้แบ็กดีอย่างนี้ จากนี้จึงต้องเปิดเกมรุกตลาดอสังหาฯ จากเคยพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย 2-3 โครงการต่อปี ก็เพิ่มเป็น 5-6 โครงการ ที่ดินในมือ 5 แปลง ตุนเพิ่มพร้อมพัฒนาเป็น 8 แปลง ยังไม่พอ..จะเห็นมิติใหม่ของเนอวานา รุกโครงการคอนโดมิเนียม “ซูเปอร์ ลักชัวรี” ริมน้ำเจ้าพระยา แม้จะมีข่าวหลุดมาว่า มูลค่าโปรเจคทะลุ 5,000 ล้านบาท ราคาขาย 3 แสนบาทต่อตารางเมตร เจ้าตัวยิ้มแทนการยืนยืนคำตอบ บอกเพียงว่า เป็นคอนโดที่ขนาดยูนิต “ไม่เล็ก” เริ่มต้นที่ 80-400 ตารางเมตร จำนวนรวมกว่า 100 ยูนิต นอกจากนี้ จะได้เห็นบ้านซีรี่ส์ใหม่ภายใต้แบรนด์“บียอนด์ เอส”ที่เจาะทำเล “พระราม 2” บ้านที่ลูกค้าสามารถเลือกวัสดุเองได้ แม้กระทั่งการตลาด เป็นครั้งแรกที่เนอวานาฯ เข้าไปเป็นสปอนเซอร์ วงป็อปร็อกก้องโลก“มารูนไฟฟ์” (Maroon 5) ในคอนเสิร์ต “MAROON 5 WORLD TOUR 2015 Live in Bangkok” ซึ่งสิงห์ คอร์เปอเรชั่น ประมูลมาได้ โดยจะจัดคอนเสิร์ตในเดือน ก.ย.นี้ เหล่านี้เป็นการ “คิดนอกกรอบ” “มิติใหม่ เราไม่เน้นการเติบโตก้าวกระโดดระยะสั้น แต่สร้างรากฐานการเติบโตระยะยาว และสิ่งที่อุทิศทำมาตลอด 10 ปี คือการสร้างรากฐาน แต่อีก 10 ปีข้างหน้า เราจะสร้างรากฐานอีกสเกลเพื่อจะไปเป็นอีกขั้น เป็นดีเวลลอปเปอร์ที่เปลี่ยนแลนด์สแคปการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์” พร้อมย้ำเป้าหมาย ร่วมกับสิงห์คือการทำสิ่งที่เนอวานาทำอยู่แล้ว ให้ดียิ่งขึ้น ที่สำคัญคือการผลักดัน“เนอวานาให้ได้รับการยอมรับในวงกว้าง และก้าวสู่การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจของผู้บริโภค (Top of mind) ส่วนยอดขาย รายได้จะต้องรั้งเบอร์หนึ่ง สองหรือสามของวงการอสังหาฯหรือไม่ สำหรับเขามองเป็นเพียง “สงครามตัวเลข” เท่านั้น ความยั่งยืนของธุรกิจไม่จำเป็นต้องเป็นที่ 1 ในปีเดียวเป็นเบอร์ 3 ในตลาดนานนับทศวรรษ ก็ดีกว่าเป็นผู้นำเพียงปีเดียว “เราไม่จำเป็นต้องประสบความสำเร็จใน 3 ปี เรามีเวลาอีกมากที่จะไปถึงเป้าหมาย วางธุรกิจเพื่อความยั่งยืนดีกว่า และตัวเลขจะมาตามเอง เพราะไม่มีธุรกิจที่ดีแล้วตัวเลขแย่” ธุรกิจที่ดี ตัวเลขจะดีไปเอง ------------------------------------- อสังหาฯ “ตลาดบน” ยังไปได้ เศรษฐกิจ กำลังซื้อที่ชะลอตัว ส่งผลให้การขับเคลื่อนธุรกิจในปี 2558 ต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง แต่ท่ามกลางวิกฤติยังมีโอกาสสำหรับสินค้าคุณภาพดีที่ยังไงก็ขายได้“ศรศักดิ์" ซีอีโอ เนอวานาฯ เชื่อเช่นนั้น สำหรับภาพรวมครึ่งปีแรก ยอดขายบริษัทอยู่ที่กว่า 900 ล้านบาทถือว่าไม่มาก อัตราการขายและการโอนบ้านที่ค่อนข้าง “ช้า” อีกทั้งขณะนั้นบริษัททำดีลกับสิงห์ เลยทำให้อัตราการขายและโอนบ้านชะงักไปพักหนึ่ง แต่หวังว่าแนวโน้มครึ่งปีหลังจะปรับตัวดีขึ้น และผลักดันให้ทั้งปีสามารถรับรู้รายได้ 2,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่รับรู้รายได้อยู่ที่ 1,200-1,300 ล้านบาท “สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร ต้องพิสูจน์สุดท้าย (ผู้ประกอบการ) เก่งเรื่องหนึ่งแต่แกร่งหรือเปล่า เวลานี้ธุรกิจต้องเก่งและแกร่ง เพราะต้องผ่านอุปสรรคอีกมาก” ด้านสถานการณ์อสังหาฯตลาดบน เขาบอกว่า ลูกค้าแวะเวียนชมโครงการถี่ขึ้นจากเดิม 3 ครั้ง เพิ่มเป็น 5-6 ครั้ง ขณะที่ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ เดิมให้ในอัตราส่วน 80% ก็ลดเหลือ 70% ของราคาบ้าน เพื่อป้องกันการเกิดหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) แต่บริษัทก็ยังไม่พบว่า อัตราลูกค้าถูกปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นอย่างมีนัย