รายงานเทรนด์วงการอสังหาริมทรัพย์ในปี 2559 ได้รับการเปิดเผยโดย Pricewaterhouse Coopers และ Urban Land Institute เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

ตามเนื้อหาบน constructiondive.com ระบุว่าในไม่ช้า วงการอสังหาริมทรัพย์จะถูกครองตลาดด้วยบริษัทก่อสร้างขนาดเล็ก เหตุเพราะบริษัทที่มีพนักงานไม่ถึง 50 คนมีอัตราเติบโตเหนือกว่าบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่

มิทช์ รอสเชลล์ หุ้นส่วนของ PwC เผยว่า “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นแต่เมืองใหญ่ๆและบริษัทใหญ่ๆกำลังเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากธุรกิจเล็กๆกำลังก้าวมาเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ทำให้เกิดสิ่งใหม่ๆใน ธุรกิจสำนักงาน เพราะต้องหาแนวทางสร้างพื้นที่ใหม่ๆเพื่อรองรับบริษัทเหล่านี้”

รายงานเทรนด์ใหม่นี้เป็นผลจากการสัมภาษณ์ และทำแบบสอบถามร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและบริษัทอสังหาริมทรัพย์มากมาย ด้านล่างคือเทนด์อสังหาริมทรัพย์แนวใหม่อันดับต้นๆในปี 2559 จากรายงานของ Pricewaterhouse Coopers และ Urban Land Institute

1. “เมือง 18 ชั่วโมง” จะประสบความสำเร็จ

– “เมือง 18 ชั่วโมง” คือทำเลที่เรียกกันว่าตลาดชั้นรอง รายงานหลายสำนักชี้ให้เห็นว่าตลาดชั้นรองทั้งหลายกำลังเริ่มได้รับความนิยม มากขึ้น เนื่องจากนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์กำลังหันไปสนใจตลาดแบบนี้ ตลาดประเภทนี้ดึงดูดนักลงทุนเพราะสามารถนำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย ต่างๆที่จำเป็นได้ในราคาที่ถูกกว่า ตัวอย่างแหล่งทำเลชั้นรองก็เช่น ซานแอนโตนิโอ เดนเวอร์ ออสติน เป็นต้น

2. ภาคสำนักงานจะเติบโตต่อเรื่อยๆ

– เมื่อจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้น อาคารสำนักงานก็ต้องเพิ่มจำนวนขึ้นเพื่อรองรับธุรกิจต่างๆ นอกจากนั้น การขยายตัวของบริษัทต่างแวดวงก็เปิดโอกาสให้นักลงทุนอสังหาฯ ได้ขายหรือปล่อยเช่าพื้นที่สำนักงานเพื่อให้ได้กำไรมากขึ้น ณ ประเทศลาว การปรับปรุงสำนักงานกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ ทำให้เกิดการแปลงโฉมหรือหาพื้นที่สำนักงานใหม่ให้เข้ากับธุรกิจ

3. อาคารชานเมืองเริ่มกลับมานิยมอีกครั้ง

– หลายปีแล้วที่การหาอสังหาริมทรัพย์หรือลงทุนแถบชานเมืองเป็นเรื่องน่ากลัว สำหรับนักลงทุน เนื่องจากขาดแคลนตลาดซึ่งอาจทำลายธุรกิจได้ อย่างไรก็ตาม รายงานไม่นานนี้แสดงให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่เริ่มหันไปสนใจการใช้ชีวิตชานเมือง เพื่อให้พร้อมสำหรับการสร้างครอบครัว เหล่าบริษัทพัฒนากำลังคิดจะนำเสนอโครงการที่ก่อประโยชน์ต่อทั้งย่านกลาง เมืองและชานเมืองในบางพื้นที่ ซึ่งอาจนำไปสู่อาคารอเนกประสงค์และอสังหาริมทรัพย์ที่เอื้อต่อการขนส่งมวลชน

4. การผลิตวัตถุดิบสำหรับปรุงอาหารในเมือง

– ผู้คนในเมืองเริ่มหาวิธีเข้าถึงอาหารสดใหม่ทำให้การใช้อาคารในเมืองเป็น แหล่งผลิตวัตถุดิบกลายเป็นกระแสนิยมใหม่ในปัจจุบัน ยกตัวอย่างเช่น แถบบรู๊คลินและควีนส์มีการปลูกผักแบบไฮโดรโปนิคถึงสามแห่งซึ่งได้พืชผลกว่า สามร้อยตัน รายงานยังกล่าวด้วยว่า “ระบบนี้นับเป็นการดัดแปลงพื้นที่ในเมือง เช่นเดียวกับการนำพื้นที่ชานเมืองมาใช้ประโยชน์ใหม่ซึ่งมีมาแล้วหนึ่งทศวรรษ ก่อนหน้านี้”

ในรายงานยังให้รายละเอียดของเทรนด์อื่นซึ่งอาจเป็นที่นิยมด้วย แต่บางอย่างก็ยังต้องผ่านการสังเกตการณ์และการวิจัยให้ครอบคลุมเพื่อให้แน่ ชัดว่ากระแสเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าวงการอสังหาริมทรัพย์ได้จริงหรือ ไม่

www.realtytoday.com